วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ดวงวันเกิด 31 วัน เกิดวันไหน เป็นคนอย่างไร

ณ ที่นี้มีคุณผู้อ่านคนไหนที่เคยเกิดคำถามในใจ หรือเกิดความรู้สึกที่อยากจะรู้ถึงลักษณะนิสัยของคนรอบ ๆ ข้างกันบ้างไหมเอ่ย? เพราะบางคนก็เข้าใจง่าย บางคนก็เข้าใจยาก บางคนก็มีความคิดที่ดีเยี่ยม ขณะที่บางคนก็เอาใจยากซะเหลือเกิน ถ้าเคยเป็นแบบนั้น ก็ขอเชิญทางนี้เลย เพราะเราได้นำคำทำนายจากเว็บไซต์ findyourfate.com ที่ได้รวบรวมลักษณะนิสัยของคนที่เกิดในแต่ละวัน ทั้ง 31 วันมาให้ทุกท่านได้ทราบ ๆ กัน ซึ่งลักษณะนิสัยของคนทั้ง 31 วันนั้น เป็นดังนี้

 ผู้ที่เกิดวันที่ 1 
 
          ขึ้นชื่อมาว่าเป็นเลขที่ "1" แล้ว ถือเป็นตัวเลขที่บอกให้รู้เลยว่า ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดย่อมมีความมุ่งมั่นแรงกล้า ก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ ๆ สำหรับคนที่เกิดวันที่ 1 นั้นถือได้ว่าเป็นนักบริหารตัวยง พร้อมจัดการในทุกสิ่งอย่าง มีความเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ เป็นคนที่มีพลังในการทำงานและมีความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย บางครั้งบางคราว คนที่เกิดวันที่ 1 ก็อาจจะมีนิสัยที่คิดเล็กคิดน้อยไปบ้าง แต่ก็จะใช้ความอดกลั้นที่มีสูง เป็นเครื่องเตือนให้จิตใจได้เย็นลงและมองสิ่งต่าง ๆ ในมุมที่ดีมากขึ้นนั่นเอง
  
 ผู้ที่เกิดวันที่ 2
 
          จุดเด่นหลัก ๆ เลยของผู้ที่เกิดในวันที่ 2 นี้ จะเป็นคนที่ค่อนข้างจะเซนซิทีฟอยู่ใช่เล่น มีเรื่องให้ต้องคิดมากหรือเสียอกเสียใจเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ขณะเดียวกันก็ถือเป็นคนที่ฉลาด หลักแหลมคนหนึ่งเลยด้วย คนที่เกิดวันที่ 2 ถือเป็นคนที่ผูกมิตรด้วยง่าย เพราะค่อนข้างจะมีมิตรสัมสัมพันธ์ที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แปลกใจหรืออารมณ์เสียถ้าเขาหรือเธอที่เกิดวันนี้เกิดอาการแง่งอน หรือน้อยใจใส่คุณ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ ฉะนั้น การที่อยู่ดี ๆ เขาเกิดแปรปรวนทางอารมณ์  เดาใจไม่ถูก หรือทำท่าทำทางหงุดหงิดใส่ก็เป็นเรื่องที่ธรรมดา สุดท้ายแล้วยังไงก็เป็นคนที่เคลียร์ได้ง่าย ๆ แน่นอน
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 3 
 
          ใครที่เกิดวันนี้บอกได้เลยว่าเป็นคนที่มีชีวิตชีวาที่ดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ จะเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีคนหนึ่ง จะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและดูดี แถมยังชอบบริหารจิตใจให้สดใสและร่าเริงอยู่เสมอ ๆ อีกด้วย จะว่าไป ผู้ที่เกิดวันที่ 3 จัดเป็นคนที่ค่อนข้างจะอยู่ไม่สุขนะ ชอบทำนู่น แต่พอนึกจะเรื่อย ๆ เอื่อยเฉื่อยขึ้นมา ก็เป็นมันซะงั้นงั้นดื้อ ๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผู้ที่เกิดวันที่ 3 เป็นคนที่กล้าแสดงออก และมักจะทำในสิ่งที่น่าประทับใจแก่คนรอบข้างอยู่เสมอ ๆ เป็นคนที่ใช้ภาษาเก่ง เขียนลายมือสวย พูดจาไพเราะ มีวาทศิลป์ เป็นที่รักใคร่ของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 4
 
          ความสามารถอย่างหนึ่งที่เป็นจุดเด่นสำคัญเลยกคือ การเป็นคนที่สามารถจัดการกับหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างได้แบบลงตัวเป๊ะ ๆ เป็นคนที่มีเหตุมีผล มีระเบียบวินัยในตัวเอง ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา อีกทั้งยังเป็นคนที่มุ่งมั่นและขยันขันแข็งกับเรื่องของหน้าที่การงานมาก ๆ อีกด้วย แต่ด้วยจุดเด่นส่วนนี้นี่เอง เลยทำให้คนที่เกิดวันที่ 4 นี้ดูเป็นคนที่ค่อนข้างจะดื้อและหัวรั้นอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ชีวิตนี้ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เป็นเรื่องธรรมดา 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 5
 
          เรื่องของความสามารถพิเศษ ความรู้รอบตัว การโน้มน้าวจิตใจคน การมีไอเดียดี ๆ ที่สดใหม่อยู่เสมอ และการเอนเตอร์เทนคนรอบข้าง ถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของผู้ที่เกิดวันที่ 5 ทั้งสิ้น ลักษณะนิสัยโดยพื้นฐานแล้วนั้น คนที่เกิดวันที่ 5 ถือเป็นคนที่ชอบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวและชอบการเดินทางมาก ๆ ชนิดที่ว่าว่างเป็นไม่ได้ มีอันต้องวางแผนไปนู่นไปนี่อยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นคนที่มีจิตนาการล้ำเลิศ ปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ง่าย คิดเร็ว ทำเร็ว แถมยังรอบคอบมาก ๆ อีกด้วยนะเออ 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 6
 
          จะว่าไปแล้วนี่ ใครก็ตามที่เกิดวันที่ 6 ถือเป็นคนที่น่าคบหาด้วยมาก ๆ เลยจริง ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ง่าย ๆ เลยว่า คนที่เกิดวันที่ 6 เนี่ยเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงใจและเปิดเผยตัวเองสูง คือเป็นคนแบบไหนอะไรยังไงก็จะเปิดเผยออกไปแบบนั้น ไม่มีมาสร้างภาพหรือแอ๊บแบ๊วอะไรให้เกินงาม อีกทั้ง ยังเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ๆ อยู่เสมอ ๆ จะพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนอื่น ๆ ถ้าใครมีปัญหาอะไรมา ก็สามารถระบายหรือขอคำปรึกษาได้นะจ๊ะ
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 7
 
          คนที่เกิดวันที่ 7 ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นคนที่ชอบในเรื่องของความสมบูรณ์แบบมาก ๆ แถมยังมีโลกส่วนตัวสูงอีกต่างหาก สำหรับใครที่เกิดวันนี้ถือเป็นคนช่างเลือก ซื้อของยาก และใช้เวลากับหลาย ๆ สิ่งแบบนานเอาเรื่อง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งหลาย ๆ อย่างให้ดูดีที่สุด แถมยังเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่าย ๆ ด้วย และจะยึดเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้งด้วย ฉะนั้น ใครจะมาโน้มน้าวใจคนที่เกิดวันนี้ล่ะก็ ขอบอกได้เลยว่า "ยากส์" 
 
          ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ลักษณะนิสัยของคนที่เกิดวันที่ 7 เป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ยากหรือไม่เข้าใจโลกแต่อย่างใด เพียงแต่เขามองว่าเขามีความสามารถพอที่จะทำอะไรหลาย ๆ ด้วยตัวคนเดียวมากกว่า ซึ่งด้วยลักษณะนิสัยแบบนี้ การได้เป็นเจ้าคนนายคน หรือเป็นนายตัวเอง จะเป็นอะไรที่เข้าทางและเวิร์คมาก ๆ เลยล่ะจะบอกให้!!
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 8
 
          คนที่เกิดในวันนี้เนี่ย คือคนที่มีความคิดหรือความสามารถในการบริหารงานสูงมาก ๆ จะเป็นคนที่มีความคิดก้าวไกล หรืออัพเดตสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ คนที่เกิดวันที่ 8 จึงเหมาะเหม็งมาก ๆ กับการมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง เพราะคุณจะมีความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม และเด็ดขาดพอในการตัดสินใจเพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจของคุณเอง ซึ่งนั่นจะทำให้คุณได้กลายเป็นเศรษฐีหรือเศรษฐีนีไปแบบไม่รู้เนื้อรู้เลยก็ได้  
          
 ผู้ที่เกิดวันที่ 9 
 
          สำหรับคนที่เกิดในวันที่ 9 นี้ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หมดห่วงเรื่องเพื่อนหรือการผูกมิตรกับใครสักคนหนึ่ง เพราะใครก็ตามที่เกิดวันนี้ถือเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมาก ๆ เพราะมีความเข้าอกเข้าใจผู้คนและความเป็นตัวตนของคนนั้น ๆ ได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นแล้ว ยังถือเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาอารี ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แถมใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาซะด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนที่เกิดวันที่ 9 จะมีเพื่อนหรือคนรอบข้างมากมายเต็มไปหมดขนาดนี้ 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 10
 
          ใครที่เกิดวันนี้บอกได้เลยว่าเป็นคนที่รักความเป็นอิสระมาก ๆ ซึ่งหากจะมาบีบบังคับหรือร้องขอใด ๆ โดยที่ไม่ได้สมัครใจจะทำ ก็อย่าหวังจะเห็นคนที่เกิดวันนี้จะทำตามที่ขอ ๆ กันเลย นอกจากนั้นแล้ว คนที่เกิดวันนี้ยังถือเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงเอาเรื่อง แถมยังสามารถเรียกพลังและปลุกตัวเองให้มีชีวิตชีวาได้อยู่เสมอ ๆ ด้วย แต่จะว่าไปคุณเองก็เป็นคนที่เซนซิทีฟอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่ดีหน่อยที่ยังสามารถอดทนอดกลั้นความรู้หรืออารมณ์นอย ๆ ของตัวเองได้ดี ก็เลยยังคอยให้เกิดการมองโลกในแง่ดีในง่ายมากขึ้น 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 11
 
          คุณเป็นช่างฝันถึงเรื่องต่าง ๆ นานา และเป็นคนที่มีไอเดียดี ๆ ผุดขึ้นมาอยู่เสมอ ๆ เลยคุณสามารถเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดีเพราะคุณรู้ถึงวิธีการใช้การพูดจาที่สุภาพ อ่อนโยน เข้ามาใช้ในการผูกมิตรกับคนอื่น ๆ แทนการใช้การกระทำที่บ้างดูจะไม่เหมาะไม่ควรสักเท่าไหร่ อีกทั้ง คุณยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของทุกคนอีกด้วย ฉะนั้นเมื่อเห็นใครถูกรังแก หรือโดนเอารัดเอาเปรียบ คุณเองจะไม่ลังเลใจเลยที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้น
 
          ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครที่เกิดวันนี้ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งด้วยว่า คุณเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนได้ง่ายเหมือนกัน แถมบางครั้งยังมีนิสัยชอบคิดมากกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย แต่ก็อย่างที่บอกว่าคุณเป็นคนช่างฝัน ดังนั้น เมื่อคุณไม่สบายใจหรือเกิดอาการนอยขึ้นมา ไม่นานคุณเองก็จะมีเรื่องอื่น ๆ ที่ชวนให้แฮปปี้กว่า แล้วก็ยิ้มสู้ได้แบบง่าย ๆ แล้ว
  
 ผู้ที่เกิดวันที่ 12 
 
          ใครที่เกิดวันนี้จะเป็นคนที่ชอบนำเรื่องราวดี ๆ หรือเรื่องที่ชวนให้กำลังใจเข้าสู่ชีวิตตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีที่ช่วยให้คุณได้ฟื้นตัวจากเรื่องแย่ ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ถ้าคุณมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ก็จะมองหาเรื่องราวดี ๆ มาอ่านเพื่อให้เกิดความสบายใจ หรือหากคุณนอนป่วยและรู้สึกแย่กับตัวเอง ก็จะมีการกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอว่ามีคนที่อาการหนักกว่าคุณอยู่มาก แล้วนั่นจะทำให้คุณได้ลุกขั้นมาจากเตียงและหายจากอาการแย่ ๆ นั้นขึ้นมาทันที
 
          ทั้งนี้ ด้วยความที่คุณชอบในเรื่องของการนำเรื่องดี ๆ มาสู่ชีวิตนั้น เลยทำให้คุณเป็นที่รักของคนรอบข้างด้วยเช่นกัน เพราะคุณมักจะแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ที่ได้พบได้เจอมาให้คนอื่น ๆ ได้รู้กันด้วย นอกจากนั้นแล้วคุณยังถือเป็นคนที่มีความสามารถในการใช้วาทศิลป์กับการเจรจาหรือการติดต่อเรื่องสำคัญ ๆ อีกด้วย 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 13
 
          ถ้าพูดถึงเรื่องของความขยันขันแข็ง การทุ่มเทเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบและงานเพื่อส่วนรวม ความมีเหตุมีผล มั่นใจในความสามารถของตัวเอง ซื่อสัตย์ และมีความชัดเจนในตัวเองนั้น สิ่งต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดในวันที่ 13 ทั้งสิ้น แต่ทว่า แม้ข้อดีจะมีมากมายขนาดนี้ ก็นำมาซึ่งข้อเสียได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของหน้าที่การงานนั้น ด้วยความที่คุณจริงจังด้วยมาก ๆ เลยอาจจะมีบ้างที่ทำให้คุณละเลยกับการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ๆ เพราะฉะนั้น ขยันไม่ว่าแต่อย่าจริงจังก้มหน้าก้มตาลุยงานลูกเดียว ไม่งั้นจะแย่เอานะจ๊ะ 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 14
 
          คนที่เกิดวันที่ 14 ถือเป็นคนที่มีความสามารถรอบตัวเยอะเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นคนที่เฮฮาสนุกสนานอีกด้วย นี่เองเลยทำให้คนรู้จักของคุณรักและอยากที่จะอยู่กับคุณกันมากมายนั่นเอง นอกจากนั้น คุณยังเป็นคนที่ชีพจรลงเท้าด้วย เพราะอย่าให้ได้มีเวลาว่างเชียว คุณจะรีบหาสถานที่ต่าง ๆ ออกนอกบ้านและไปเที่ยวเติมเต็มความสุขในทันทีเลยล่ะ (จริงไหม?)
 
          ด้านอื่น ๆ ของคนที่เกิดวันที่ 14 ก็คือการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น ๆ แถมยังหลักแหลมและมีเหตุมีผลพอสมควร ซึ่งถ้าใครมาง้องแง้ง ๆ ใส่คุณ คุณก็จะรีบเมินหน้าหนีทันที! 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 15
 
          คนที่เกิดวันนี้ถือเป็นคนอบอุ่นมาก ๆ คนหนึ่ง เพราะจะเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ๆ ไม่ว่าจะมีอะไร ก็จะนึกถึงครอบครัวมาก่อนเป็นอันดับแรก เรื่องของบทบาทความเป็นผู้นำ การเอ็นเตอร์เทนคนรอบข้าง และแคร์ความรู้สึกคนอื่น ๆ อยู่เสมอ ๆ ล้วนแต่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 15 ทั้งสิ้น ถือได้ว่าคนที่เกิดวันนี้เป็นคนที่มีเหตุมีผล ไว้วางใจได้ และเป็นที่ปรึกษาที่ดีคนหนึ่งด้วย อย่างไรก็ดี ว่ากันว่าคนที่เกิดวันนี้ จะเป็นคนที่ช่างสังเกต ไม่ว่าจะเรื่องของการเรียนรู้และการดูแลเอาใจใส่คนรอบข้าง เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนที่เกิดวันที่ 15 จึงเป็นที่รักของคนรอบข้างโดยเฉพาะคนในครอบครัวมากมายแบบนี้
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 16
 
          ใครที่เกิดวันนี้ ควรที่จะไปหาเพื่อนหรือหาคนรู้ใจอยู่เสมอ ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ บอกได้เลยว่า คนที่เกิดในวันที่ 16 เนี่ยเป็นคนขี้เหงาและเปล่าเปลี่ยวใจอยู่เรื่อย ๆ เสียจริง ๆ เลยเชียว เรียกได้ว่าอย่าได้มีโอกาสอยู่คนเดียวโดยเด็ดขาด เป็นอันต้องหันเข้ากระจกและนึกถึงแต่ความเหงาแน่นอน แต่พูดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้นะ แค่อารมณ์แบบว่าเป็นคนที่ขี้เหงาง่ายก็เท่านั้นเอง แล้วก็เป็นเดี๋ยวเดียวด้วย ไม่ได้เป็นยาวตลอดวันตลอดคืนอะไรแบบนั้น
 
          ลักษณะนิสัยด้านอื่น ๆ ของคนที่เกิดวันที่ 16 ก็มีมากมาย อาทิเช่น เป็นคนที่ค่อนข้างจะใจเย็นมาก ใช้เวลาคิดไตร่ตรองในเรื่องต่าง ๆ อยู่นานพอควร แต่ก็เข้าตำราที่ว่า "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม" และก็จะไม่เปิดใจรับใครง่าย ๆ แต่ถ้าลองได้รู้จักหรือมาอยู่ใกล้ ๆ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า คนที่เกิดในวันนี้ เป็นคนที่น่าคบหาด้วยมาก ๆ เลยนะเออ นอกจากนั้นแล้ว เรื่องของเทคโนโลยี หรืออะไรที่ต้องคิด วิเคราะห์หน่อย ๆ จะเป็นอะไรที่เข้าทางและถูกอกถูกใจคนที่เกิดวันนี้มาก ๆ ด้วยเช่นกัน 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 17 
 
          เชื่อเถอะว่าคนที่เกิดวันนี้ชื่นชอบซะเหลือเกินเรื่องของการบริหารธุรกิจหรือการลงทุนแบบเห็นผลกำไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะธุรกิจเล็ก - ใหญ่ คนที่เกิดวันนี้สนใจหมดเลย (แววร่ำรวยนี่พุ่งกระฉุดดีเหลือเกิน!) ที่สำคัญ ยังเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการบริหารสิ่งต่าง ๆ ได้ในระดับที่ดีเยี่ยมเลยด้วย เพราะฉะนั้นในเรื่องของการทำกิจการหรือธุรกิจใด ๆ ก็พุ่งฉิวแบบหายห่วง
 
          และหากใครที่มองว่า เอ๊ะ! จะเป็นแค่เรื่องของความสนใจอย่างเดียวหรือเปล่า บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่นั้นแน่นอน เพราะคนที่เกิดวันนี้ จะตั้งเป้าหมายในการทำแต่ละอย่างไว้แบบชัดเจน แถมยังเริ่มต้นทำเพื่อให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริง ๆ อีกด้วย ซึ่งนี่รวมไปถึงการทำเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตด้วยนะ ซึ่งนี่ล่ะถือเป็นจุดเด่นสำคัญของคนที่เกิดในวันที่ 17 นี้นั่นเอง 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 18
 
          ถือเป็นคนเก่ง ที่มีความสามารถมาก ๆ คนหนึ่งเลย เพราะคนที่เกิดในวันนี้ จะมีความสามารถในการควบคุมหรือโน้มน้าวคนอื่น ๆ ได้ดี สามารถพลักดันความสามารถของคนอื่น ๆ หรือกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ แบบเวิร์คมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ถึงไหนถึงกัน แถมความสามารถเฉพาะตัวในเรื่องของการจัดการมากมายก็ไม่เป็นสองรองใครด้วย นี่เองจึงทำให้หลาย ๆ คนอยากที่จะร่วมง่านกับคนที่เกิดวันนี้กันให้พรึ่บ! 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 19
 
          การมีอำนาจ ความมั่นใจในตัวตัวเอง คือจุดเด่นหลัก ๆ ที่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 19 แต่บางครั้งก็เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในชีวิตอยู่บ่อยครั้ง เพราะคุณมักจะยึดเอาความคิดหรืออารมณ์ของตัวเองเป็นที่ประจำเลย แถมยังเป็นคนที่อารมณ์ร้าย โกรธง่ายมาก ๆ เลยด้วย ฉะนั้นแล้ว ใครที่เกิดวันนี้หรือเป็นแบบนี้อยู่ ก็ลองไปปรับปรุงในส่วนนี้ดู ชีวิตจะได้ไม่ต้องดราม่านะจ๊ะ 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 20
 
          สำหรับคนที่เกิดในวันที่ 20 นี้ เรื่องของสภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด จะเป็นสิ่งที่คนที่เกิดวันที่ 20 ให้ความสำคัญค่อนข้างมากพอควร เรื่องของความเซนซิทีฟ การแคร์คนอื่น ๆ คือสิ่งที่มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดในวันนี้ทั้งสิ้น คุณเป็นคนที่ผูกมิตรกับคนอื่น ๆ ได้ง่าย แถมพอถูกชะตากับใครแล้ว ก็จะมีความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วมาก ๆ เลยด้วย
 
          ทั้งนี้เอง ใครที่เกิดในวันนี้จะปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นจะส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ แต่จะอย่างไรก็ดี เรื่องของอารมณ์เจ้ากรรมนี่ล่ะ ก็ยังเป็นจุดหนึ่งที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอยู่ในน้อย เพราะบางทีก็มีอาการของอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่บ่อยครั้ง หรือไม่บางทีก็มีเรื่องที่อึกอัดใจ แต่พูดออกมาไม่ได้ จำต้องเก็บไว้คนเดียวก็มี ซึ่งนี่เองก็เลยทำให้บางครั้งบางคราว คุณก็เกิดความรู้สึกอึดอัดใจตัวเองมาก ๆ แถมยังสับสนคิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าควรจะเริ่มแก้ไขตรงไหนอะไรยังไงด้วย เพราะฉะนั้น ขอให้ใจเย็น ๆ เข้าไว้ ตั้งสติให้ดี แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 21
 
          นี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งคนที่จะเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีมาก ๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายและสุภาพของจิตใจ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จะให้ความสำคัญด้วยทั้งสิ้น คุณเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ อารมณ์ดีและมีความสามารถในการสร้างความประทับใจให้แก่คนอื่น ๆ รอบตัวได้อยู่เสมอ แถมเมื่อรักใครแล้ว ก็จะรักแบบจริงจังไม่มีหลอกลวงอีกด้วยนะเออ ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่คนรอบข้างของคนที่เกิดวันที่ 21 นี้ชื่นชอบกันมากมายเหลือเกิน
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 22
 
          ลักษณะนิสัยเด่น ๆ ของคนที่เกิดในวันที่ 22 นี้ ก็คือเรื่องของความมีเหตุมีผลที่เป็นเลิศตามด้วยความรับผิดต่อหน้าที่ที่ได้รับ ที่จะทำส่วนนั้นได้ดีมาก ๆ แถมยังขยันขันแข็ง งานจะเล็กหรือใหญ่ก็สู้ไม่มีถอยเลยด้วย เป็นคนจริงใจและมีความตั้งใจจริงกับการทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งหากจะเรียกง่าย ๆ ก็อาจจะบอกได้ว่าคนที่เกิดวันที่ 22 นี้ เป็นคนที่มองโลกและอยู่ในโลกของความเป็นจริงอยู่พอสมควร ซึ่งแม้ว่าตรงนี้จะเป็นจุดดี แต่บางครั้งก็นำมาซึ่งความเครียดได้ด้วยเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยจะปล่อยวางอะไรมากมายนัก ฉะนั้น อย่าเพิ่งไปเครียดอะไรมากมายเน้อ ใช้ชีวิตแบบพอดี ๆ เวิร์คที่สุดแล้ว
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 23
 
          ลักษณะนิสัยของคนที่เกิดวันนี้ จะคล้าย ๆ กับคนที่เกิดในวันที่ 14 กล่าวคือ เป็นคนที่เฮฮาสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี มีจินตนาการในการใช้ชีวิต และรู้จักใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ไม่เครียดหรือเอื่อยเฉื่อยกับชีวิตจนเกินไป คนรู้จักของคุณจะรักและอยากที่จะอยู่กับคุณมาก ๆ แถมคุณยังเป็นคนที่ชีพจรลงเท้าด้วย เวลาเมื่อไหร่ก็จะไปหาสถานที่ต่าง ๆ ออกนอกบ้านและไปเที่ยวเติมเต็มความสุขในทันที
           
 ผู้ที่เกิดวันที่ 24 
 
          สิ่งหนึ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนสำหรับคนที่เกิดวันที่ 24 ก็คือเรื่องของความมีเหตุมีผลและการช่วยเหลือคนอื่น ๆ ด้วยความเต็มใจ อีกทั้งยังเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่ดีในยามที่เกิดเหตุคับขันอีกด้วย สิ่งสำคัญของคนรอบข้าง ที่คนที่เกิดในวันที่ 24 จะปกป้องและนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือคนในครอบครัว ผองเพื่อน และคนใกล้ตัวทุกคน นอกจากนี้ เรื่องของความเซนซิทีฟ การขึ้น - ลงของสภาพอารมณ์ การคิดเล็กคิดน้อย ก็มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 24 นี้ด้วยเหมือนกัน 
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 25
 
          ความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี เรื่องราวเกี่ยววิทยาศาสตร์ หรือเรื่องที่ประเด็นน่าสนใจต่าง ๆ คือสิ่งที่คนเกิดในวันที่ 25 ชื่นชอบและให้ความสำคัญมาก ๆ ขณะที่ในด้านอื่น ๆ ก็เป็นในเรื่องของความมีเหตุมีผล การมีความคิดริเริ่ม และการมีความรับผิดชอบ ก็มีอยู่ในตัวของคนที่เกิดวันที่ 25 เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในบางครั้งบางคราว ก็จะได้เห็นคนที่เกิดวันนี้ นั่งเหมื่อลอยมองโน่นนี่ไปเรื่อยเหมือนกัน เพราะในเรื่องของสภาพจิตใจและความรู้สึกนึกคิดก็ถือเป็นสิ่งที่เดาใจได้ยากเหมือนกัน วันไหนนึกจะฮาขึ้นมาฮามาซะดื้อ ๆ แต่ลองวันไหนได้เศร้าจิตเศร้าใจสิ นั่งซึมอยู่อย่างนั้นทั้งวันเลยล่ะ
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 26
 
          ใครก็ตามที่เกิดในวันนี้ ถือเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง และยังเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น ๆ รอบตัวอยู่เสมอด้วย ซึ่งบางครั้งในการแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างนี่ล่ะ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการคิดมากหรือนอย ๆ ขึ้นมาบ้าง นอกจากนั้นแล้ว คนที่เกิดวันที่ 26 ยังถือว่ามีดวงของการเป็นนักบริหารอีกด้วย เพราะถ้าลองได้หยิบจับธุรกิจอะไรดูแล้ว ก็มีท่าทีที่จะไปได้สวยมาก ๆ เลยล่ะ จะบอกให้!!
 
  ผู้ที่เกิดวันที่ 27
 
          คนที่เกิดวันที่ 27 นี้ เป็นที่มีอุปนิสัยใจคอที่ดี กล่าวคือเป็นเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนร่วมเป็นหลัก สามารถทำงานหรือร่วมพูดคุยกับคนอื่น ๆ ได้ดี แต่ในมุมกลับกัน ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่จะมีความรู้สึกของการอยากอยู่คนเดียว ได้คิดอะไรคนเดียว หรือเข้าโลกส่วนตัวบ้าง เพราะเหน็ดเหนื่อยมาจากการช่วยเหลือคนอื่น ๆ มามากแล้วนั่นเอง ด้านอื่น ๆ ที่เหลือ ก็จะมีทั้งเรื่อง การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จิตใจโอบอ้อมอารี เและการอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ 
 
  ผู้ที่เกิดวันที่ 28
 
          ใครที่เกิดวันนี้ คือบุคคลที่รักในความอิสระ แถมยังมีพละกำลังในการทำโน่นนี่นั่นมากมายอย่างล้นเหลือ อีกทั้ง ยังมีคุณสมบัติของความเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ และมีความมั่นใจในตัวเองสูงพอสมควรเลยด้วย ขณะที่ ด้านหน้าที่การงานก็จะตั้งใจทำแบบสุดตัว ชนิดที่ว่าถ้างานยังไม่เสร็จ ก็ไม่ยอมกลับบ้านง่าย ๆ และด้วยความตั้งใจมาก ๆ นี่ล่ะ บางทีก็ทำให้ท้อจิตท้อใจได้ด้วยเหมือนกัน ถ้าเกิดทุกอย่างที่ได้ทำไปนั้น กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ก็อย่างว่าล่ะนะ คาดหวังมาก ก็เจ็บตัวมาก เป็นเรื่องธรรมดา
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 29
 
          เชื่อได้เลยว่าคนที่เกิดวัยที่ 29 นี้ถือเป็นคนช่างฝันคนหนึ่งเลย และมักจะะมีไอเดียใหม่ ๆ หรือแนวความคิดดี ๆ มาบอกกล่าวคนรอบตัวอยู่เสมอ ๆ เลยด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองกันดี ๆ แล้วก็จะรู้เลยว่า คนที่เกิดในวันนี้ เป็นคนค่อนข้างกลัวและไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยงต่าง ๆ สักเท่าไหร่นัก ฉะนั้นแล้ว ถ้าหากได้ลองเปิดใจตัวเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือลองทำในสิ่งที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่นั้นดูบ้าง ก็จะช่วยให้ปัญหาตรงนั้น ลดน้อยลงไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียวเชียว
 
 ผู้ที่เกิดวันที่ 30
 
          ง่าย ๆ สั้น ๆ เลยว่า คนที่เกิดวันที่ 30 นี้ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองที่สูงเอาเรื่องจริง ๆ และไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะใช้ความมั่นของตัวเองนั่นเป็นที่ตั้งอยู่เสมอ ๆ แล้วยิ่งถ้าเรื่องไหนที่มั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายถูกด้วยแล้ว ใครที่คิดจะค้านก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปได้เลย นอกจากนี้ ยังถือเป็นคนที่มีการแสดงออกทางอารมณ์แบบเปิดเผยคนหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ โกรธ หรืออารมณ์ใด ๆ ก็ตาม ก็มักจะมีการแสดงออกมาให้เห้นกันอยู่เรื่อย ๆ เสมอ 
 
  ผู้ที่เกิดวันที่ 31
 
          ปิดท้ายกับคนที่เกิดวันสุดท้ายของเดือนนี้ ลักษณะนิสัยเด่น ๆ เลยที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดี เป็นคนใจเย็นและมีความอดกลั้นสูง สามารถทนกับความกดดันต่าง ๆ มากมายได้แบบสบาย ๆ แม้อาจจะเจอเรื่องที่หนักหนาไปบ้าง แต่ก็สามารถจัดการได้อย่างอยู่หมัด นอกจากนั้นแล้ว คนที่เกิดวันที่ 31 ยังเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดีพอสมควรเลยด้วย ทั้งนี้ ก็ถือเป็นคนที่ชอบการเข้าสังคมด้วยเหมือนกัน ไม่ชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียว ว่างเมื่อไหร่มีได้ชวนเพื่อนออกไปเที่ยวหรือไปทำกิจจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมออีกต่างหาก

แนวข้อสอบ ก.พ

http://www.unigang.com/Article/2896

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร?

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร?
คือน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ ที่เกิดจากการผสมระหว่าง น้ำมันเบนซิน 80% กับ แอลกอฮอล์20% (เอทานอล) หรือเรียกโดยย่อว่า E20 โดยรถที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20 จะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95, น้ำมันเบนซินออกเทน 91 และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์(E10) ได้อีกด้วย
 
   
ประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากกาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร?
  1. ความประหยัด เนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 
  2. ราคารถยนต์ถูกลง รถยนต์ที่ผลิตมาเพื่อรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีราคาถูกกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากภาษีสรรพสามิตที่ลดลง
ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ด้านเศรษฐกิจ
  • ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน ลดการขาดดุลการค้า โดยทุกลิตรของน้ำมัน E20  สามารถลดการนำเข้าน้ำมันลง 20%
  •  ก่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชที่ใช้ผลิตเอทานอล
  • ประหยัดรายจ่ายภาคครัวเรือน เนื่องจากรถยนต์ E20 และน้ำมัน E20 ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯ  จึงทำให้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีราคาถูกที่สุด
ด้านสิ่งแวดล้อม
  • ลดมลพิษทางอากาศ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเอทานอลเป็นผลิตผลธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายได้โดยไม่เกิดมลพิษตกค้าง 
  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน และวิกฤตการณ์ธรรมชาติแปรปรวน
การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีผลดีอย่างไร และทำไมต้องใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์?
  1. ด้านเครื่องยนต์ ช่วยการเผาไหม้สมบูรณ์ จึงทำให้อัตราเร่งดีขึ้น
  2. ด้านเศรษฐกิจ เอทานอลผลิตจากพืชผลทางการเกษตรภายในประเทศ ที่นำมาผสมกับน้ำมัน เบนซิน เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน จึงลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศปีละ 3 พันล้าน ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
  3. ด้านสิ่งแวดล้อม เอทานอลผลิตจากพืชผลทางการเกษตร ช่วยลดมลพิษทางอากาศและแก้ไขปัญหา สภาพแวดล้อม
รถยนต์ที่สามารถใช้ E20 ได้
     รถยนต์ส่วนใหญ่รุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 จะผลิตให้รองรับน้ำมัน E-20 ได้ อาทิ
1.       HONDA (City-ZX, Civic, Accord, CR-V)
2.       MITSUBISHI (Space Wagon 4G69 MIVEC NA4, EFI)
3.       NISSAN (Teana, Tida)
4.       MAZDA (Mazda 3) 
5.       FORD FOCUS และ FORD ESCAPE 3.0 L ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2005 และรุ่นที่จะออกตามมาในปี 2008
ข้อแตกต่างของแก๊สโซฮอล์ธรรมดา กับ แก๊สโซฮอล์ E20
“ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัย ร่วมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ว่า ปัจจุบันแก๊สโซฮอล์ ที่มีใช้อยู่ ในประเทศไทยเป็นแก๊สโซฮอล์ E10 ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 10% ด้วยคุณสมบัติหลายประการที่ใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน จึงสามารถนำแอลกอฮอล์ มาผสมเพื่อทดแทนส่วนของน้ำมันได้บางส่วน โดยไม่มีผลกระทบต่อ สมรรถนะของรถยนต์มากนัก”
“อย่างไรก็ดี การเพิ่มสัดส่วนของแอลกอฮอล์ ในน้ำมันอีก 10% กลายเป็นแอลกอฮอล์ 20% (ที่ เหลือเป็นน้ำมันเบนซิน 80%) ทำให้คุณสมบัติของเชื้อเพลิงในส่วนที่เป็นองค์ประกอบ ของแอลกอฮอล์ ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันปรากฏมากขึ้น จึงอาจมีปัญหากับเครื่องยนต์และรถบางรุ่น”
“แอลกอฮอล์บริสุทธิ์มีคุณสมบัติเด่นหลายประการที่ต่างจากน้ำมันเบนซิน เช่น จุดเดือด ของแอลกอฮอล์จะต่ำกว่าน้ำมันทำให้มีแรงดันไอมากกว่า ซึ่งจะมีปัญหากับรถบางรุ่น โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าที่ใช้คาร์บิวเรเตอร์ที่มีถังน้ำมันติดตั้งห่างจากตัวเครื่องยนต์มากเกินไป หรือรถยนต์ที่มีขนาดของท่อเชื้อเพลิงที่เล็กเกินไป”
“ทำให้แอลกอฮอล์ที่อยู่ในท่อเชื้อเพลิงเปลี่ยนสภาพจากของเหลวเป็นไอได้ง่าย เนื่องจากความฝืดของท่อมีมากเกินไป ทำให้มีลักษณะเป็นฟองอยู่ในท่อดูดเชื้อเพลิง”
“ส่งผลให้การหมุนของเครื่องยนต์มีความเร็วรอบไม่สม่ำเสมอ เครื่องจะกระตุกหรือดับ ในบางช่วง นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติกัดกร่อนสูง ยิ่งสัดส่วนของแอลกอฮอล์ ในน้ำมันมากขึ้น จะยิ่งเพิ่มคุณสมบัติการกัดกร่อนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสามารถกัดกร่อนยาง พลาสติกบางชนิด และโลหะประเภททองเหลือง ทองแดง”
“ดังนั้น รถยนต์ที่มีอะไหล่เป็นยาง หรือโลหะทองเหลือง ทองแดงที่ไม่ได้รับการออกแบบ และผลิตออกมาให้ทนต่อการกัดกร่อนของแอลกอฮอล์เป็นพิเศษ จะไม่สามารถทนต่อ การกัดกร่อนได้ อาจส่งผลให้ท่อส่งน้ำมันไปจนถึงถังน้ำมันเกิดการผุกร่อน จนทะลุได้ภายในระยะเวลาประมาณครึ่งปี-1 ปี”

“ด้วยเหตุนี้รถยนต์ที่สามารถใช้เชื้อ เพลิงแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ จึงต้องเป็นรถที่ผลิตด้วยยาง หรือพลาสติกที่ทนต่อการกัดกร่อนได้ รวมถึงต้องออกแบบองศาการจุดระเบิด ให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิงด้วย เพื่อให้ เชื้อเพลิงสามารถเผาไหม้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
 

10 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ E85

  1. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 คืออะไร? E85 คือ เชื้อเพลิงผสมสำหรับใช้งานรถยนต์ โดยผสมน้ำมันเบนซินมาตรฐานเข้ากับเอทานอล (E) ในสัดส่วน 15 เปอร์เซ็นต์ และ 85 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ น้ำมันชนิด นี้จึงถูกเรียกว่า “E85” การผสมเอทานอลเข้ากับน้ำมันเบนซินในสัดส่วนที่น้อยลงก็จะเรียกชื่อตามสัด ส่วนของการผสม เช่น ผสม 20% เรียก E20 ผสม 10% เรียกE10 เป็นต้น
       2. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 85 มีผลทำให้สมรรถนะของรถยนต์ลดลงหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ ในทางกลับกันเอทาอลบริสุทธิ์จะมีระดับออกเทนอยู่ที่ 107 – 113ซึ่งนับว่าสูงกว่าน้ำมันเบนซินที่มีออกเทนอยู่ที่ 91 และ 95 ดังนั้น การผสมเอทานอล ลงในน้ำมันเบนซิน ออกมาเป็นน้ำมัน E85 จะช่วยเพิ่มค่าออกเทนให้กับน้ำมันมากยิ่งขึ้นกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ทั้งนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มีระดับออกเทนอยู่ที่ 105เพิ่มแรงม้าให้กับรถยนต์อีก 5 – 10% เมื่อเทียบกับเบนซินธรรมดา และยังช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้นอีกด้วย
       3. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มีผลให้รถยนต์เปลืองน้ำมันมากขึ้นหรือไม่ ใช่ เอทานอลบริสุทธิ์ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดาประมาณ 23% (เอทานอลมีปริมาณหน่วยความร้อน 84,600 บีทียูต่อแกลลอน ส่วนเบนซินบริสุทธิ์ ออกเทน 95 มี 125,000 บีทียูต่อแกลลอน) นั่นหมายถึงระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่า
       4. เต็ม E85 ในรถเบนซินธรรมดาได้หรือไม่ รถที่เครื่องยนต์ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะเพื่อใช้กับน้ำมัน E85 ไม่ควรใช้น้ำมัน E85ที่ผสมเอทานอลซึ่งก็คือ แอลกอฮอล์ และคุณสมบัติไม่เหมือนกับน้ำมันเบนซินเพราะ มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนวัสดุเช่น ยางและพลาสติก และทำปฏิกิริยากับโลหะบางชนิดมากกว่าเบนซินด้วย ดังนั้นรถที่จะเติมแก๊สโซฮอล์ E85 ได้จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง ทางวิศวกรรมบางส่วน เพื่อให้รองรับน้ำมันชนิดนี้ได้
       5. รถแบบไหนที่ใช้ E85 แก๊สโซฮอล์ E85 ใช้ได้สำหรับรถยนต์ในกลุ่มที่เรียกว่า FFV หรือ Flex Fuel Vehicle คือเครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของ เอทานอล ซึ่งเติมได้ตั้งแต่น้ำมันเบนซินธรรมดา แก๊สโซฮอล์ E10 E20 ไปจนถึง E85 และยังสามารถเติมผสมกันได้อย่างไม่มีปัญหาอีกด้วย เพราะ FFV จะมีหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิคส์ (ECU) คอยวัดปริมาณโมเลกุลของออกซิเจนที่เข้าไปในเครื่องยนต์ ปรับการทำงานเหมาะสมกับน้ำมันที่เติม เพื่อให้รถยนต์ทำงานได้เต็มสมรรถนะ
       6. ทำไมประเทศไทยต้องส่งเสริม E85 การสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทน ยังคงเป็นแนวนโยบายหลักของรัฐ ไม่ว่าราคาน้ำมันจะแพงขึ้นหรือถูกลง โดยเฉพาะการสนับสนุนให้คนไทยใช้น้ำ มันแก๊สโซฮอล์นั่นยิ่งสัดส่วนของเอทานอลที่ใช้มีมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยชาติลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ กระทรวงพลังงาน เร่งเดินหน้า มาตรการส่งเสริม E85 ให้เร็วที่สุด เนื่องจาก ประเทศไทยมีผลผลิตและการผลิตเอทานอลที่มีศักยภาพมากพอที่จะสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ E85 โดยไม่กระทบกับการบริโภคภายในประเทศ
       7. ทิศทางการส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ E85 กระทรวงพลังงานได้พิจารณาที่จะขยายจาก E10 เป็น E85 มาตั้งแต่เริ่มวางนโยบายพลังงานทดแทนในปี 2547 และได้ส่งเสริม E85 บางส่วนในระยะแรกเมื่อปลายปี2549 เพื่อให้มีการใช้อย่างจริงจังในปี 2555 ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้กำหนดให้ E85 เป็นวาระแห่งชาติและมีนโยบายส่งเสริมการใช้ E85 อย่างครบวงจรภายใน10 ปี
       8. การสนับสนุนการใช้ E85 จากภาครัฐ กระทรวงพลังงาน ร่วมมือกับภาครัฐหลายหน่วยงานเร่งผลักดันนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ FFV ในประเทศไทย ดังนี้ ลดอาการนำเข้าจาก 80% เหลือเพียง 60% สำหรับรถยนต์ FFV นำเข้าที่ขนาดไม่เกิน 2,000 ซีซี. และ 2,500 ซีซี. จำนวน 2,000 คัน ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV 3% สำหรับรถยนต์ FFV นำเข้าที่ขนาดไม่เกิน 2,000 ซีซี. และ 2,500 ซีซี. จำนวน 2,000 คัน ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV 3% สำหรับรถยนต์ FFV ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นอกจากนี้ ได้กำหนด Road Map การส่งเสริมการใช้ E85 อาทิ มาตรการภาษีและอากรเพื่อการนำเข้ารถยนต์ในระยะสั้นของกรมศุลกากร การออกมาตรฐานคุณ ภาพน้ำมัน E85 ของกรมธุรกิจพลังงาน การเพิ่มผลผลิตต่อไร่อ้อยและมันสำปะหลังและการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกใน พื้นที่รกร้างว่างเปล่า พื้นที่ราชพัสดุของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กรมธนารักษ์ เป็นต้น
       9. ความพร้อมเดินหน้า วัตถุดิบ ประเทศไทยมีวัตถุดิบทางการเกษตร (อ้อย, กากน้ำตาล, มันสำปะหลัง) มากพอที่จะรองรับการใช้ E85 ได้ทั้งประเทศ โดยไม่กระทบกับการบริโภคภายใน ประเทศ ปัจจุบันกำลังการผลิตเอทานอลอยู่ที่ 1.5 ล้านลิตรต่อวัน ในขณะที่การใช้เอทานอลอยู่ที่ 1.1 ล้านลิตรต่อวัน และภายในปี 2552 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก1.5 ล้านลิตรต่อวัน รวมกำลังการผลิตเอทานอลในปี 2552 ประมาณ 3 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งสามารถรองรับ E85 ในระยะแรกอย่างไม่มีปัญหา สถานีบริการ ขณะนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์E85 ที่เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว 3 แห่ง และมีแผนจะขยายเป็น 15 แห่ง ตามความต้องการใช้ของ E85 ส่วนทางด้าน บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ใช้แก๊สโซฮอล์ โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการ E85 เป็น 15 สาขา ในปี 2552 ตามที่กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือ รถยนต์ ประเทศไทยมีการนำเข้ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง E85 หรือ FFV มาใช้งานแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งกระทรวงพลังงานให้การส่งเสริมด้วยการลดอัตราภาษีนำเข้ารถ ยนต์FFV สำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยล่าสุด บริษัทวอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการนำเข้า และเริ่มการผลิตรถยนต์ FFV ในประเทศไทยล็อตแรกแล้วจำนวน150 คัน นอกจากนี้ค่ายรถยนต์ยุโรปและอเมริกาหลายค่ายตอบรับการส่งเสริมน้ำมันแก๊สโซ ฮอล์ E85 ของภาครัฐ อาทิ ฟอร์ด, เจนเนอรัล มอเตอร์ส, เชฟโรเลต (ประเทศ ไทย) เนื่องจากมีความพร้อมในเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 แล้วเห็นด้วยในการส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ E85 เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในอนาคต
       10. ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้ E85 จุดเริ่มต้นของการผลักดันนโยบาย E85 กระทรวงพลังงานได้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ จากการกำหนด Road Map การส่งเสริม การใช้ E85 ในปี 2551 – 2561 ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวมเป็นเงิน447,377 ล้านบาท สร้างความมั่นคงด้านการจัดหาพลังงานของประเทศและลดการ ใช้เบนซินได้มูลค่า 386,720 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นการปรับโครงสร้างการผลิตพืชเกษตรไปสู่พืชพลังงานที่มีมูลค่า เพิ่มทางเศรษฐกิจสูงสร้างเสถียรภาพราคาพืชผล เกษตร สร้าง Multiplier Effect ด้านเกษตรอุตสาหกรรมและบริการมูลค่า 60,657ล้านบาทในปี 2561 และยังเป็นการช่วยลดมลพิษและภาวะโลกร้อนได้ถึง 27.8 ล้าน ตัน ซึ่งผลประโยชน์นี้จะตกไปถึงประชาชนทุกระดับอย่างแท้จริง

ฟังเดอะช็อคออนไลน์ The Shock FM Online

http://happytimeit.blogspot.com/p/blog-page_7555.html

14 ข้อน่ารู้ เกี่ยวกับการติดแก๊สรถยนต์

ก๊าซธรรมชาติ พลังงานทางเลือกใหม่สำหรับรถยนต์
                    ก๊าซธรรมชาติ เป็นพลังงานทางเลือกใหม่สำหรับรถยนต์ ในปัจจุบันมีก๊าซอยู่ 2 ชนิดคือ ก๊าซ LPG และ
          ก๊าซ NGV ซึ่งผู้อ่านสามารถศึกษาหาข้อเปรียบเทียบแล้วเลือกที่จะติดตั้งก๊าซ LPGหรือ ก๊าซ NGV ได้จาก
          Web Site หรือหนังสือที่เกี่ยวกับก๊าซรถยนต์ ที่มีวางจำหน่ายที่ร้านหนังสือ ส่วนในเนื้อหาของ Web นี้จะมีจุด
          ประสงค์ของการไขข้อข้องใจ ตอบปัญหา และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดจากการใช้พลังงานก๊าซ รวมถึงแนะ
          นำวิธีการป้องกันผลเสียเฉพาะที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ที่ดัดแปลงมาใช้พลังงานก๊าซ LPG และ NGV
          1. ก๊าซ Liquefied Petroleum Gas (LPG) คือ อะไร
          ก๊าซ (LPG) หรือก๊าซหุงต้ม มีชื่อเป็นทางการว่าก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลว liquefied petroleum gas เรียกย่อ ว่า (LPG)
          ก๊าซ (LPG) เป็นสารประกอบ ของ โพรเพน และบิวเพน
          2. แก๊ส (LPG) มีที่มาอย่างไร
          ก๊าซ (LPG) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแยกน้ำมันดิบในโรงกลั่นน้ำมัน หรือ การแยกก๊าซธรรมชาติในโรงแยก
          ก๊าซธรรมชาติ
          3. ทำไมถึงมีการนำก๊าซมาใช้ในรถยนต์
          มีหลายสาเหตุที่ทำให้มีการนำก๊าซมาใช้ในรถยนต์ คือ
          ก. ปริมาณน้ำมันดิบที่เหลือน้อยลง
          ข. ปัญหาของโลกที่ร้อนขึ้น สภาวะเรือนกระจกที่เกิดจากสารคาร์บอนมอนออกไซด์ อันเป็นผลมาจากการเผาไหม้
          ประกอบกับแนวคิดที่จะอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการคิดค้นหาพลังงานทดแทนที่ ?ถูกและดี? กว่า
          พลังงานน้ำมัน
          ค. และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ในปัจจุบันราคาน้ำมันเบนซินมีราคาที่สูงขึ้น
          4. ในประเทศไทยมีการน้ำก๊าซ LPG มาใช้เป็นพลังงานในรถยนต์เมื่อใด
          ในประเทศไทยเริ่มต้นใช้ก๊าซ LPG มาใช้เป็นพลังงานในรถยนต์ในปี พ.ศ. 2513 หรือ (36ปี) แต่ได้รับความนิยม
          อยู่ในกลุ่มรถยนต์สาธารณะ ส่วนปัจจุบันความนิยมที่รถยนต์ส่วนบุคคล ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานก๊าซมากขึ้น เห็น
          จะเป็นเพราะราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
          5. ในอดีต มีปัญหาอะไร ที่การติดตั้งก๊าซไม่เป็นที่นิยมในรถยนต์ส่วนบุคคล
          เรื่องของกลิ่นเหม็น เรื่องของสุขภาพของคนในรถ รวมถึงกลัวเรื่องอุบัติเหตุ ทำให้ไม่มีการใช้ ก๊าซ (LPG) และ
          (NGV) กันอย่างแพร่หลายในระยนต์ส่วนบุคคล เรื่องของราคาน้ำมันที่มีราคาที่ ต่างไปจากราคาก๊าซ เพียงเล็งน้อย
          6. ปัญหาดังกล่าวเกิดจากอะไร
          ปัญหาต่างๆเกิดจากการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานและเสื่อมคุณภาพ (อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นของเก่า) รวมถึงยัง
          ขาดความชำนาญในการติดตั้งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีการพัฒนาทั้งอุปกรณ์ ความรู้ และประสบการณ์
          การติดตั้งที่มากขึ้น จนสามารถติดตั้งก๊าซรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
          7. ก๊าซธรรมชาติ Natural Gas For Vehicle (NGV) คืออะไร           ก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซเชื้อเพลิงที่มีก๊าซมีเทนเป็นส่วนประกอบหลัก สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ได้เช่นเดียว
          กับน้ำมันเบนซินและดีเซล ก๊าซ NGV คือ ก๊าซธรรมชาติที่ถูกอัดจนมีความดันสูง (มากกว่า 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว
          ม psi) คุณสมบัติพิเศษของก๊าซ NGV คือ มีสัดส่วนของคาร์บอนน้อยกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น และเป็นก๊าซที่ทำให้
          การเผาไหม้สมบูรณ์มากกว่าเชื้อเพลิงชนิดเอื่น มีปริมาณไอเสียที่ปล่อยออกจากเครื่องยนต์ ต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิด
          อื่น และ NGV ยังเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดควันดำหรือสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
          จึงสามารถลดปัญหามลพิษทางอากาศซึ่งนับวันจะรุ่นแรง มากขึ้น ก๊าซ (NGV) บางครั้งเรียกก๊าซนี้ว่า (CNG)
          Compressed Natural Gas หรือก๊าซธรรมชาติอัด
          8. ในประเทศไทยมีการน้ำก๊าซ (CNG)มาใช้เป็นพลังงานในรถยนต์เมื่อใด           ในประเทศไทยเริ่มทดลองใช้ก๊าซ CNG มาใช้เป็นพลังงานในรถยนต์ในปี พ.ศ. 2527 โดยใช้ในรถโดยสารของ
          ขสมก. และสามล้อเครื่องแต่ยังไม่มีความแพร่หลายเนื่องจากไม่คุ้มค่ากับการดัดแปลงเครื่องยนต์ เนื่องจากในปี
          2527 น้ำมันยังมีราคาถูกอยู่
          9. ก๊าซ (LPG) และ (NGV) เป็นพลังงาน ที่ใช้ในรถยนต์ได้อย่างไร
          จริงแล้วน้ำมันเบนซินเป็นของเหลว แต่ในการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ น้ำมันจะต้องมีการเปลี่ยนสถานะจากของ
          เหลวเป็นไอเสียก่อนจึงจะผสมกับอากาศเป็นส่วนผสมที่เรียกว่า ?ไอดี? ส่วนการใช้ (LPG) และก๊าซ (NGV)
          ก๊าซจะถูกดูดเข้าเครื่องยนต์ใสสถานะไอที่ผสมกับอากาศรวมเป็นส่วนผสมที่เรียกว่า ?ไอดี? เช่นกัน ค่าออกเทน
          ของก๊าซ (LPG) มีค่าอยู่ประมาณ 105 RON ก๊าซ (NGV) มีค่าออกเทน 120 RON ก๊าซทั้งสองชนิดมีค่าออกเทน
          ที่ใกลเคียงกับน้ำมันเบนซิน จึงนำมาดัดแปลงใช้กับเครื่องยนต์ที่กำหนดให้ใช้เบนซินออกเทน 91,95 ได้
          10. ทำไมเครื่องยนต์ที่ถูกดัดแปลงมาใช้ก๊าซ (LPG) ก๊าซ (NGV) มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงดังของวาล์ว
          บ่าวาล์วทรุด และบ่าวาล์วรั่ว

          การเผาไหม้ของก๊าซ (LPG) จะให้ค่าความร้อนสูงประมาณ กว่า 400 °C การเผาไหม้ของก๊าซ (NGV) จะให้ค่า
          ความร้อนสูงประมาณ กว่า 500 °C : ซึ่งสูงกว่าการใช้พลังงานน้ำมันเบนซินถึงกว่า 2 เท่า ความร้อนจะทำให้โลหะ
          ชิ้นส่วนของบ่าวาล์วนิ่มและอ่อนตัว ส่งผลให้เกิดการสึกหรอได้อย่างรวดเร็ว น้ำมันเบนซิน จะมีสารปรุงแต่ง (Additive)
          จำพวก สารปกป้องบ่าวาล์ว สารหล่อลื่น สารชะล้างต่างๆ เมื่อเกิดการเผาไหม้ ไอของน้ำมันจะเคลือบอยู่ที่ชิ้นส่วนต่างๆ
          ของบ่าวาล์ว สามารถรับแรงกดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ส่วนพลังงานก๊าซไม่สามารถปรุงแต่งใดๆ ได้ ไอดีของก๊าซ
          มีลักษณะเป็นไอที่แห้ง ไม่มีสารเคลือบบ่าวาล์ว ทำให้การสึกหรอจากการปิด ? เปิดของวาล์ว เกิดขึ้นอย่างรุนแรง
          ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับค่าความร้อนสูงถึงความร้อนของ ก๊าซ (LPG) และ ก๊าซ
          (NGV) จึงทำให้เครื่องยนต์ที่ถูกดัดแปลงมาใช้พลังงานก๊าซเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว
          11. เราสามารถใช้น้ำมัน 2T (AUTO LUBE) มาใช้ในการเลี้ยงวาล์วเพื่อป้องกันการสึกหรอของบ่าวาล์ว
          ได้หรือไม่ 
          ก่อนอื่นต้องขอชมเชยท่านที่คิดค้นและพยายามนำเอาน้ำมัน 2 T ที่ใช้ในการหล่อลื่นในกระบอกสูบของเครื่องยนต์
          2 จังหวะ โดยท่านได้ทรายถึงปัญหาของบ่าวาล์วและได้มีการแก้ไขโดยใช้วิธีเดียวกับมอเตอร์ไซ และถ้าจะถามว่า
          ใช้ได้ผลหรือไม่ ให้พินิจพิจารณาดูจาก

           ก. เครื่องยนต์ที่ใช้ น้ำมัน 2 T เป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะมีรอบกาจจุดระเบิดทุกรอบ แต่เครื่องยนต์ในรถยนต์ เป็น
           เครื่องยนต์ 4 จังหวะ เครื่องยนต์หมุน 2 รอบแต่มีการจุดระเบิด ให้กำลังงาน 1 รอบ

           ข. เครื่องยนต์ 2 จังหวะและ 4 จังหวะ มีการออกแบบวาล์วไอดีและไอเสียที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน รวมไปถึง
           ลักษณะของแหวนลูกสูบ กล่าวคือ วาล์วของเครื่องยนต์ 2 จังหวะมักจะมีการออกแบบเป็นลักษณะของช่องพอร์ด
           โดยใช้ลูกสูบเป็นตัวเปิด-ปิดวาล์วไอดีและไอเสีย
           ส่วนเครื่องยนต์ 4 จังหวะจะมีวาล์วไอดีไอเสียเป็นลักษณะของดอกเห็ด อยู่ส่วนบนของกระบอกสูบ เปิดปิดโดย
           ใช้เพลาลูกเบี้ยวเป็นตัวเปิด-ปิด
           ค. การออกแบบน้ำมัน 2T ก็ได้มีการออกแบบให้มีลักษณะและองค์ประกอบของน้ำมันในเรื่องของการเผาไหม้
           และการหล่อลื่น ลูกสูบกับกระบอกสูบ และให้ใช้กับเครื่องยนต์ 2 จังหวะที่มีรอบการทำงานที่จัดกว่า เครื่องยนต์
           4 จังหวะ

           ง. อย่างไรก็ดีเครื่องยนต์ 2 จังหวะเมื่อมีการใช้ไปสักระยะหนึ่งก็มักจะต้องพบกับปัญหาเรื่องการสะสมเขม่า
           การอุดตัน หัวเทียนบอด และอื่นๆตามมา

           จ. ปัจจุบันมีการพบรถยนต์ที่ดัดแปลงมาใช้ก๊าซพร้อมกับมีการใช้น้ำมัน 2 Tมาเลี้ยงวาล์ว แล้วเกิดความเสียหาย
           ตั้งแต่อาการบ่าวาล์วรั่ว หัวลูกสูบทะลุหนักไปจนถึงจะต้องมีการผ่าเครื่องมาซ่อมบำรุงกันยกใหญ่ แต่ในขณะเดียว
           กันก็ยังมีผู้ที่ใช้ 2T เลี้ยงวาล์วแล้วก็ยังบอกว่าไม่มีปัญหาใดๆ

           ฉ. ในต่างประเทศที่มีการใช้ก๊าซเป็นพลังงานแทนน้ำมันเบนซิน จะไม่มีการใช้ น้ำมัน 2 T มาเลี้ยงวาล์ว เพราะ
           ทราบถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นต่อเครื่องยนต์แล้วไอพิษที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ยังก่อไห้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
           ปัจจุบันในรถมอเตอร์ไซดิ์ได้มีการยกเลิกการใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะเพราะตระหนักถึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวด
           ล้อมนั้นเอง
           12. การสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยน้ำมันเบนซินและใช้น้ำมันสักพัก จะสามารถช่วยเลี้ยงวาล์วได้หรือไม่
            การสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยน้ำมันเบนซินจะทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่ายการสึกหรอ จะน้อยกว่าการสตาร์ทด้วย
            ก๊าซ ส่วนการใช้น้ำมันเบนซินเลี้ยงวาล์วนั้น ยังไม่เคยมีการทำการทดสอบอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงแต่ข้อ
            สันนิฐาน แต่การใช้น้ำมันเบนซินให้บ่อย และนานขึ้นในช่วงก่อนออกรถและก่อนที่จะทำการดับเครื่องยนต์ ก็จะ
            มีส่วนช่วย ให้ไอน้ำมันเบนซินเข้ามาช่วยชะล้างเขม่าหรือขี้เถ้าที่เกิดจากการสันดาปด้วยก๊าซได้ อย่างไรก็ดีทัน
            ที่มีได้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซแทนน้ำมันเบนซิน ก็มีแนวคิดในเรื่องของ ความร้อนที่เกิดจากการสันดาปด้วย
            ก๊าซที่ให้ความร้อนที่สูงกว่าน้ำมัน ดังนั้นไอน้ำมันเบนซินที่เคลือบไว้ตามส่วนต่างๆของวาล์วก็จะถูกความร้อนของ
            ก๊าซเผาไหม้ไปไนเวลาต่อมานั้นเอง จึงพิจารณาได้ว่าการเลี้ยงวาล์วด้วยน้ำมันเบนซินไม่น่าจะได้ผลดีเท่าที่ควร
            (ในจังหวะอัด ก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนตัวขึ้นสู่จุดศูนย์ตายบนเพียงเล็กน้อย หัวเทียนจะจุดประกายเผาไหม้ส่วนผสม
            ไอดีให้ลุกไหม้ ทำให้เกิดพลังงานแรงดันสูงประมาณ 30 ถึง 60 บาร์ และให้ ความร้อนสูงสุด 2000 ถึง 2500 อง
            ศาเซลเซียส และจะลดลงประมาณ 900 ถึง 800 องศาเซลเซียสเมื่อลูกสูบเคลื่อนตัวลงสู่จุดศูนย์ตายล่าง)
            13. ไอของน้ำมันเครื่องมีส่วนช่วยเลี้ยงวาล์วได้หรือไม่              ก่อนอื่นต้องขอถามว่า ไอน้ำมันเครื่องคืออะไร
             ไอน้ำมันเครื่องที่เราเห็นคือ ไอเสียที่ตกค้างจากการ เผาไหม้ เชื้อเพลิงที่ถูกเผาไหม้ เป็นแก๊สไอเสีย จะถูกระ
             บายออกจากเครื่องยนต์ผ่านลิ้นไอเสีย จะมีประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ตกค้างจากการเผาไหม้ประมาณ
             20-30 เปอร์เซ็นต์จะเป็น คาร์บอน ซัลเฟอร์ และน้ำ ตกค้างอยู่ในกระบอกสูบ และเมื่อรวมตัวกันจะเกิดเป็นกรด
             กำมะถัน ทำปฏิกิริยากับน้ำมันเครื่อง จะเกิดแก๊สพิษและโคลนตรงกัดกร่อนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ เครื่องยนต์ และ
             เป็นเหตุให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพโดยเร็ว ดังนั้นจึงต้องมีการต่อท่อ ระบายแก๊สให้ออกไปจากเครื่องยนต์
             โดยนำไอเสียนี้กลับเข้ามาเผาไหม้ใหม่อีกครั้ง เพื่อลดมลภาวะอากาศเป็นพิษ (เป็นกฎข้อบังคับในการกำจัด
             ไอเสียที่เป็นพิษ) และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อีกทางหนึ่ง
             ดังนั้นจึงตอบได้ว่า วิศวกรได้ออกแบบระบบไอน้ำมันเครื่องโดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อนำไอน้ำมันเครื่องมาเลี้ยง
             วาล์วโดยตรง แต่ดูจากระบบแล้ว ไอของน้ำมันเครื่องก็หน้า จะมีส่วนช่วยในการป้องกันการสึกหรอของวาล์วได้
             ไม่มากนัก
             14. จะมีวิธีป้องกันปัญหาเรื่องเสียงดังของวาล์ว บ่าวาล์วทรุด และบ่าวาล์วรั่วหรือไม่               เครื่องจักรทุกชนิดที่มีการเคลื่อนที่เกิดการเสียดสี เกิดการกระแทก ก็ย่อมเกิดการสึกหรอเป็นธรรมดา แต่สำ
              หรับเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซจะมีการสึกหรอมากขึ้นกว่าปกติ ก็เนื่องมาจากความร้อนที่เกิดขึ้นมากกว่า
              นั้นเอง ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาให้หมดไปนั้นจึงไม่สามารถทำได้ แต่หากจะทำให้ปัญหาดังกล่าวลดลงไปได้บ้าง
              ก็พอจะมีวิธีแนะนำอยู่บ้างเช่น
              - อัตราการสึกหรอของบ่าวาล์วจะลดลงได้ถ้าหากใช้ความเร็วต่ำ

              - ไม่ขับขี่รถยนต์ในเวลาที่มีอากาศร้อนจัดเป็นระยะทางไกล โดยไม่มีการพัก มีการใช้รถอย่างต่อเนื่องแต่ไม่
              ควรเกิน 1 ? 2 ชั่วโมง

              - ควรสลับมาใช้น้ำมันเบนซินในสัดส่วน 1 ต่อ 10 ของการใช้งานจริง

              - ดูแลเรื่องระบบระบายความร้อน ระบบหล่อเย็นด้วยน้ำ และพัดลมให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่อุดตัน และควรใช้
              ผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำยาหม้อน้ำควบคู่ไปด้วย

              - ควรใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืด (SAE) ที่สูงขึ้น
             
              - ในส่วนของน้ำมันที่ใช้สำหรับเลี้ยงวาล์ว ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีคุณสมบัติในการใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ผลิต
              ได้มีการศึกษาถึงคุณสมบัติที่ใช้งานโดยเฉพาะ ก็จะแก้ปัญหาของการสึกหรอของบ่าวาล์วได้โดยตรงแล้ว จะ
              ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อเครื่องยนต์ และสิ่งแวดล้อม ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทดแทนโดยปราศจากความเข้าใจ
              ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพราะนอกจากจะไม่ก่อให้เกิดผลดีแล้วยังจะส่งผลเสียให้กับเครื่องยนต์ตามมาอีกด้วย

5 ความจริง ที่คุณควรรู้ก่อนใช้แก๊สติดรถยนต์

ปัจจุบันทางออกของสภาวะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นในยุคนี้ ทำให้หลายคนถวิลหาพลังงานทางเลือกที่มีราคาถูกกว่าอย่างเช่นแก๊ส ที่คนจำนวนไม่น้อยคุ้นเคยมันอย่างดี ไม่ว่าจะเป้นแก๊ส LPG ที่บรรดาคนขับรถยนต์แท็กซี่เติมใช้กันมานานนับ 10 ปี หรือจะทางเลือกใหม่กับ CNG ไม่ ว่าอะไรก็ช่วยให้คนที่ต้องการความประหยัดและคุ้มค่าในการเดินทางไปยังจุด หมายต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้
      แม้พลังงานทางเลือกอย่าง “แก๊ส” จะให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน แต่เราก็ควรตระหนักว่า เมื่อมีข้อดีเป็นธรรมดาในทางกลับกันมันก็จะต้องมีผลเสียตามมา ซึ่งในหลายๆ เหตุผลต่างๆนานา อาจเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงก็เป็นไปได้
เครื่องยนต์จะสึกหรอเร็วกว่าปกติ      เราเชื่อว่าเรื่องความเสียหายของเครื่องที่ เกิดจากการใช้แก๊สก๊าซติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน คงเป็นเรื่องที่คอประหยัดส่วนใหญ่คงจะทราบกันดี แม้จะมีเสียงจากกลุ่มผู้ใช้ก๊าซว่าสามารถทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ กว่าระบบน้ำมันด้วยซ้ำ แถมยังมีค่าออกเทน โดยเฉลี่ยสูงกว่า 105 อยู่เป็นทุนเดิม ทำให้บางคนมักเข้าใจผิดว่า รถติดแก๊สแล้วจะวิ่งดีกว่าน้ำมัน
      ความจริงเรื่องแก๊สกับการทำงานเครื่องยนต์ นั้น สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอเร็วกว่าปกตินั้น ก็มีสาเหตุมาจากการเผาไหม้ภายในห้องเผาไหม้ ที่แก๊สแม้จะมีค่าออกเทนหรือที่ศัพท์ในวงการอุตสาหกรรมปิโตเลียมเรียกว่า "อีเนอจีเชน" มากกว่าน้ำมันในระดับพรีเมี่ยมออกเทน 95 แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดก็ไม่พ้นลักษณะการเผาไหม้
      ด้วยความที่มันมีคุณสมบัติเป็นก๊าซนี่เองก็ เลยทำให้การเผาไหม้ที่เกิดขึ้นในห้องเผาไหม้ เป็นการเผาไหม้แห้ง สังเกตได้จากระบบแก๊สมักถูกต่อร่วมกับระบบดูดอากาศไปใช้งาน ส่งผลให้ค่าเสียดทานของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นวาล์วหรือตัวลูกสูบมีมากกว่า และเมื่อมีการเสียดทานสิ่งที่ตามมาก็คือ ความร้อน ซึ่งนี่เป็นตัวการที่ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราการสึกหรอเร็วขึ้นกว่าปกติ โดยเฉลี่ย 1.5 เท่า เลยทีเดียว และสามารถยืนยันได้จากคำแนะนำของท่านผู้เชี่ยวชาญทางพลังงานแก๊ส ที่มักให้เปลี่ยนน้ำมันเกรดธรรมดาที่สามารถใช้ได้ถึง 5000 กิโลเมตร ในระยะที่ 4000 กิโลเมตร
แก๊สไม่ได้ทำให้รถประหยัดขึ้น      อีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่คอประหยัดหลายคนมองข้ามไปว่าการติดแก๊สความจริงแล้ว ไม่ได้ช่วยให้เครื่องยนต์ของคุณมีสมรรถนะการทำงานดีขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลขึ้นหรือมีอัตราเฉลี่ยใช้พลังงานน้อยลง เมื่อเทียบกับอัตราการเดินทางที่เกิดขึ้นจริง
      ความจริงแล้วการติดแก๊สให้กับรถคู่ใจของคุณนั้น เป็นเพียงการหลีกเลี่ยงค่าพลังงานที่สูงเมื่อเทียบกับราคาก๊าซที่ถูกว่ากัน ครึ่งต่อครึ่ง หรืออาจจะถูกกว่าถึง 2 ใน 3 ของราคาน้ำมันที่ขายกันอยู่ตามปั้ม
      อันที่จริงแล้วเมื่อติดแก๊สเครื่องยนต์ไม่ได้วิ่งดีขึ้นหรือมีอัตราความ ประหยัดของเครื่องยนต์มากขึ้นอย่างที่คุณหวังเอาไว้ เพียงแต่เมื่อหันไปใช้พลังงานจากแก๊สแล้วค่าใช้จ่ายที่คุณต้องควักเงินออก จากกระเป๋าต่อหน่วยพลังงานนั้นจะน้อยลง และหากใครใช้รถแก๊สกันอยู่ คงจะพอรู้ว่าแก๊สเต็มปริมาตร 1 ถัง จะวิ่งได้น้อยกว่าน้ำมันประมาณ 100-200 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากพูดแล้วคุณอาจจะต้องเติมแก๊สมากกว่าน้ำมันเสียอีก แม้จะราคาถูกกว่าก็ตามเถอะ
แก๊สทำให้คุณตายผ่อนส่งโดยไม่รู้ตัว      หลายคนที่ติดแก๊สมัก จะคิดว่าแก๊สไม่น่าจะมีผลอะไรต่อสุขภาพเมื่อดูจากการติดตั้งที่เราจะเห็นได้ ถึงความปลอดภัยมั่นใจได้ แถมมีวิศวกรเซ็นใบรับรองอีกต่างหาก ทว่าสิ่งที่หลายคนลืมตระหนักนึกถึงไปยังมีอีกมาก และหนึ่งในนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างสุขภาพด้วยสิ เพราะ แก๊สไม่ได้แค่ติดไฟได้แต่ยังมีอันตรายต่อสุขภาพด้วย

     จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวัตถุอัตรายและเคมีภัณฑ์ ภายใต้หน่วยงานกรมควบคุมมลพิษ ให้ข้อมูลถึงอันตรายของก๊าซที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพว่าCNG หรือก๊าซธรรมชาติ ที่บางคนอาจจะรู้จักในนาม NGV นั้น หากสูดดมหายใจเข้าไปสะสมเป็นปริมาณมากๆ จะก่อให้เกิดอาการหายใจติดขัดอย่างรุนแรง, ปวดศีรษะ, วิงเวียน และอาจหมดสติได้ และหากสัมผัสถูกตาอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
      ในขณะที่ก๊าซยอดฮิตตลอดกาลอย่าง LPG ก็ มีผลกระทบไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเริ่มจาก การหายใจเข้าไป อาจจะเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดการกระตุกสั่น ปวดและเวียนศีรษะ เซื่องซึม สายตาพร่ามัว เมื่อยล้า อาการชักกระตุกอย่างแรง หมดสติ ไม่รู้สึกตัว อาจหยุดหายใจทันทีและถึงแก่ความตาย หากสัมผัสโดยตรงทางผิวหนัง จะทำให้เนื้อเยื่อตาย เช่นเดียวกับการสัมผัสถูกตาก็จะให้ผลเช่นเดียวกันและอาจทำให้ตาบอดได้
     แม้ในความเป็นจริงคงไม่มีใครนึกอยากสูดก๊าซพวกนี้เข้าไป แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่เราเข้าไปเติมก๊าซเราก็มักจะได้กลิ่น หมายถึงว่าเราสูดดมไปโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป้นในปริมาณที่น้อย แต่หากเราต้องเข้าไปเติมกันบ่อยๆ มันก็น่าคิดใช่ไหม แถมเกิดก๊าซรั่วหรือใครที่จูนแก๊สหนาๆ จนมีกลิ่นเข้ามาในห้องโดยสาร อันนี้ควรรีบตรวจสอบให้ดี
แก๊สทำให้รถคุณไร้ค่า     เมื่อถึงเวลาต้องก้าวต่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะขายรถคันเดิมเพื่อซื้อคันใหม่ที่ให้ความสะดวกสบาย มากกว่า ความจริงแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดา แต่เมื่อไรที่คุณเลือกที่จะขายรถติดแก๊สคันโปรดคู่ใจแล้ว บรรดาคนซื้อทั้งหลายโดยเฉพาะเต๊นท์ก็มักจะกดราคาด้วยข้ออ้างเพียงว่า “มันเป็นรถแก๊ส”
     ทั้งที่จริงแล้วข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้นสำหรับผู้เป็นเจ้าของรถ แต่จากที่ทางทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในวงการไฟแนนซ์ชั้นนำ ก็เลยทำให้ได้ทราบว่า ที่บรรดาเต๊นท์ต่างกดราคาและขยาดในการรับซื้อรถติดแก๊สไปขายนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากสถาบันการเงินที่คนอยากซื้อรถส่วนมากต้องยื่นขอสินเชื่อนั่นเอง
     เป็นที่น่าแปลกว่าบรรดากลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเหล่านี้ พวกเขาต่างก็เข็ดขยาดกับรถยนต์ติดแก๊ส แม้จะไม่มีทางทราบได้เลยว่า ไฉนรถติดแก๊สถึงได้ดูถูกดูแคลนมากมายถึงขนาดบางแห่ง ปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อสำหรับรถติดแก๊ส หรือไม่ก็ต้องมีการค้ำประกันเพิ่มเติมเช่นโฉนดที่ดิน เพื่ออะไรเราก็มิอาจทราบ แต่เราคาดว่าในสายตาของบรรดาสถาบันการเงิน คงมองว่า การใช้รถติดแก๊สนั้นมีความเสี่ยง ผู้ใช้อาจมีสิทธิ์เสียชีวิตได้สูง
แก๊สอาจจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่      ข้อนี้เป็นเรื่อง แปลกแต่จริงที่ทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับนักกฏหมายที่คร่ำวอดในการว่าความ คดีต่างๆ ซึ่งเขาได้เล่าให้เราฟังถึงคดีจราจรเคสหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวระหว่างรถยนต์ติดแก๊สกับรถยนต์ธรรมดาเฉี่ยวชนกันตามภาษา การจราจรวุ่นวายในบ้านเรา ทีแรกก็เป็นคดีปกติแถมรถแก๊สเป็นฝ่ายถูกด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนเรื่องเล็กจะเป็นเรื่องใหญ่เมื่อรถติดแก๊สเกิดเหตุเพลิงไหม้และ วอดกลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด
     เรื่องมันกับตาลปัตรตรงที่ความจริงแล้วจากสถานการณ์รถแก๊สน่าจะต้องได้รับ การชดใช้ค่าเสียหายจากคู่กรณีเป็นเงินจำนวนมากอยู่ ทว่าพอคดีเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอน เนื่องจากยอมความกันไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าเจ้าของรถติดแก๊สนั้น ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนคู่กรณี เนื่องจากมีการพิจารณาแล้วเห้นพ้องว่า ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต สรุปว่า เจ้าของรถแก๊สซวย 2 ต่อ ไหนรถจะไม่มีขับแถมต้องจ่ายเงินให้คู่กรณีอีกต่างหาก เคราะห์ดีว่ารถมีประกันภัยไม่งั้นมีหวังกระเป๋าฉีกแน่ๆ
     เหตุผลทั้ง 5 ข้อ ที่วันนี้เรานำมาเล่าสู่กันฟังอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กในสายตาหลายๆคน แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับพลังงานทางเลือกอย่างแก๊ส ที่ชั่วโมงนี้แทบปฏิเสธไม่ได้ เราก็ควรจะศึกษามันให้ดีก่อนที่จะเสียเงินทำการใดๆ มิเช่นนั้นปัญหาที่คุณไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นกับคุณ


ที่มาข้อมูลและภาพ banprak-nfe.com