HP Deskjet f370 All in One แก้ไขปัญหาพิมพ์ตัวอักษรซ้อนกันในวินโดว 7

HP Deskjet f370 All in One แก้ไขปัญหาพิมพ์ตัวอักษรซ้อนกันในวินโดว 7

ฟังเดอะช็อคออนไลน์ The Shock

ฟังเดอะช็อคออนไลน์ The Shock จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 0.30 - 3.00 น. 

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

http://happytime.6te.net/theshock.php

iOS 7 ฟีเจอร์ลึกลับ อย่าได้ทำเชียว !!

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] หลังจากเมื่อเช้านี้เพิ่งแนะนำ "8 ฟีเจอร์ใน iOS 7 ที่คุณอาจไม่รู้" ไปแบบสดๆร้อนๆ ซึ่งสิ่งที่บอกต่อนั้นสามารถใช้งานได้จริงและเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนที่เพิ่งหัดใช้ iOS 7 อาจยังไม่รู้ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับเมื่อมีผู้หวังดีก็ต้องมีผู้ประสงค์ร้ายเป็นของคู่กัน และการประสงค์ร้ายครั้งนี้อาจทำให้ iPhone ของคุณ "พัง" ได้เพียงไม่กี่นาที !!!

จุดมุ่งหมายของผู้ประสงค์ร้ายครั้งนี้ใช้อิทธิพลของ iOS 7 มาเป็นเครื่องมือด้วยการออกโฆษณาลวงที่อธิบายสรรพคุณของระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดที่แปลเป็นไทยคร่าวๆ ได้ว่า "ในกรณีฉุกเฉิน สวิทช์อัจฉริยะจะทำการปิดแหล่งจ่ายไฟและชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้วงจรต่างของ iPhone ของคุณได้รับความเสียหาย" นอกจากนี้ยังสร้างโฆษณาลวงที่กล่าวอ้างสรรพคุณของ iOS 7 ดังกล่าวว่า "การป้องกันน้ำสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจาก Apple ด้วย"

ซึ่งก็แน่นอนล่ะครับว่าอิทธิพลของ Apple และ iOS 7 ในขณะนี้ ทำให้ผู้ใช้หลายรายหลงเชื่อจับ iPhone ที่อัพเกรดเป็น iOS 7 ไปแช่น้ำ ผลที่ได้ "เครื่องพังแบบไม่ต้องสืบ"

ใครที่เห็นโฆษณาลวง iOS 7 นี้ และกำลังจะจับ iPhone หรือ iPad ไปจุ่มน้ำล่ะก็ หยุดซะตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ เพราะฟีเจอร์ลึกลับนี้ไม่มีอยู่จริงใน iOS 7 !!!!

How to Clean up a Computer & Fix Problems for Free

1. Update your software. Any time your computer prompts you to update your software, you should do it. This is especially true of any virus protection, disk cleanup, or security updates. You should also update your web browser, as new editions will often come with security upgrades. Updating your software can help you prevent computer problems before they start.
   
   
   
2. 2
   Clean your registry. In Windows, the registry is a large database of program information, settings, and more. Over time, it can become filled with useless information that slows the functioning of your computer. Fortunately, there are a number of free programs that can help you clean your registry, which should improve your computer’s performance.
   
   
   
   • A list of free registry cleaner programs, with reviews, can be found here. Make sure that the program you download fits your needs.
   • Do not try to manually clean your registry, as you could end up deleting something that it critical to your computer’s functioning.
   • For more information and a step-by-step guide to cleaning your registry, see [Fix your Computer Registry for Free]
3. 3
   Run a free online virus scanner. There are a number of virus protection programs that can be purchased for a fee that help protect your computer. There are also many free online virus scanner programs that can detect viruses on your computer.
   
   
   
   • The following links will take you to the websites for a number of different free online virus scanners. You can learn more about the specifics of the different programs by clicking through.
     • http://www.bitdefender.com/scanner/online/free.html
     • http://www.eset.com/us/online-scanner/
     • http://home.mcafee.com/downloads/free-virus-scan
     • http://www.pandasecurity.com/spain/homeusers/solutions/activescan(Spanish)
     • http://security.symantec.com/sscv6/WelcomePage.asp
     • http://housecall.trendmicro.com/
4. 4
   Call for a free diagnostic. Fortunately, a number of companies offer free diagnostics for computer problems. These consultations are usually done over the phone. If you cannot figure out the source of your problems, it may help a great deal to call one of these hotlines and see if they can figure it out for you.
   
   
   
   • Note that this does not necessarily mean that it will be free to actually have your problem solved, just that you can get a free diagnosis of your problems.
   • Do a Google search for “free computer diagnostics”. This should turn up a number of websites with numbers that you can call, as well as any stores in your area that might offer free diagnostics.
5. 5
   Talk to friends, acquaintances, or co-workers about your computer problems. Talking with people you know can be the best way to get computer advice without having to pay. Maybe you have a friend who is good with computers or an IT employee at your office who would be willing to help you out. It never hurts to ask, so go ahead and ask, but be considerate if it is beyond their abilities to help.
   
   
   
6. 6
   Browse Internet forums for advice with problems. If you have a specific problem with your computer, you should try doing a Google search for it. There are numerous Internet forums where people come together to discuss computer problems, and you may just be able to find your solution.
   
   
   
   • Some places to start that might be helpful:
     • http://www.computerhelpatoz.com/
     • http://www.computerhope.com/
   • If you do not feel comfortable trying to implement one of the solutions mentioned online, it is best not to. It is better to pay for help with your computer than to permanently damage your computer in an attempt to fix it.
7. 7
   Consult a reliable source before trying any self-fixes. The worst thing you can do is to make your problems worse by trying to implement a fix that you are not comfortable with. This is especially true of removing files from your computer, since the language of the computer is often difficult to understand, and you can end up deleting critical files. So, always make sure to consult an expert before applying any drastic changes. This can be a friend, IT staff at work, online forum, or a free consultation service.
   
   
   Helpful?

   credit : http://www.wikihow.com/Clean-up-a-Computer-%26-Fix-Problems-for-Free

ลือ Apple ทดสอบเครื่องต้นแบบ อาจจับ AMD ลงใน MacBook Air

SemiAccurate อ้างว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมนั้น Apple อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการทดสอบเครื่องต้นแบบของ MacBook Air ที่ใช้ชิป AMD Llano และใกล้ที่จะผลิตออกมาเป็นสินค้าจริงแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำไม MacBook Air รุ่นปรับปรุงที่ออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใด

AMD Llano เป็นส่วนหนึ่งของแพล็ตฟอร์ม AMD Fusion หรือชิปที่เรียกว่า APU ที่มีสถาปัตยกรรมรวมเอาทั้ง CPU และชิปกราฟิกส์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ประหยัดพลังงานและรันงานกราฟิกส์ได้เร็วยิ่งขึ้น

ในขณะที่ Apple ไม่ค่อยพอใจกับประสิทธิภาพการทำงานของ integrated GPU ของ Intel จนเมื่อต้นปีได้ออกมาขู่จะเลิกใช้ชิปของ Intel ไปแล้ว ถ้าหาก Intel ยังไม่แก้ไขประเด็นเรื่องการกินไฟ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง AMD ก็คงแทรกตัวเข้ามาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของ Apple ได้พอดิบพอดี

… ข่าวเรื่องจะย้ายค่ายไปยัง ARM ก็เคยมีมาแล้ว ดูท่าว่า Apple จะจริงจังกับการเลือกใช้ชิปเพื่อพลิกเปลี่ยน MacBook ให้เป็นอุปกรณ์ทีเด็ดแน่นอน

เกาะติดกระแสความแรงซีพียูจาก AMD และ Intel

ชิป Llano เป็นชิปรุ่นถัดจาก Zacate จากค่าย AMD ที่มีพลังประมวลผลเทียบเท่ากับ Intel CULV โดย Llano ถูกวางตลาดไว้ในกลุ่มโน้ตบุ๊คคู่แข่ง Core i3 และ Core i5 จุดเด่นของ Llano คือภายในตัวซีพียูจะมีส่วนกราฟฟิก Radeon HD6550 มาในตัว

เป็นที่แน่ชัดว่าแนวทางของ AMD คือพยายามรวมร่างระหว่างซีพียูและกราฟฟิกเข้าด้วยกัน นั่นหมายถึงซีพียูรุ่นใหญ่กราฟฟิกก็จะแรงตามไปด้วย ดังที่เอเอ็มดีเคยสาธิต A8-3510MX เทียบกับ Core i7 ที่โชว์พลังกราฟฟิกเหนือกว่ามาก

Llano ออกมาสองรุ่นตามรายงานจาก DigiTimes คือ dual-core และ quad-core รุ่น A4-3350P เทียบกับ dual-core E2-3250 และ A6 เทียบกับ dual-core Core i3, ส่วนรุ่น A8  เทียบเท่ากับรุ่น quad-core Core i5-2300 ของ Intel

นอกจากนี้ AMD ยังมีซีพียูรุ่นใหญ่ที่ไม่ได้ใส่กราฟฟิกลงไปที่แรงกว่า Core i5-2500 (4 core, 4 thread) และ Core i7-2600 (4 core, 8 threads) ที่เรียกว่า “Zambezi” รุ่น quad-core FX-4110, six-core FX-6110 และ eight-core FX-8130 กับ FX-8130P ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรม 32 นาโนเมตร ซึ่งจะออกมาในปลายปีนี้

สำหรับฝั่ง Intel ก็ได้มีการปรับราคาซีพียู SandyBridge สำหรับเดสก์ทอปถึง 7 รุ่นเพื่อแข่งกับ Llano ในรุ่น dual-core Core i3-2105 3.10GHz ราคาอยู่ที่ $134 และ quad-core Core i5-2310 2.9GHz  ราคาอยู่ที่ $177

นอกจากนี้ทาง Intel ยังได้แนะนำซีพียูราคาประหยัด dual-core ความเร็ว 2.20GHz – 2.90GHz ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบใหม่ แต่ไม่ได้บรรจุฟีเจอร์เด่นๆ อย่าง Sandy Bridge ลงไปเช่น hyper-threading, Turbo Boost 2.0 และตัวถอดรหัสกราฟฟิกอย่าง hardware-accelerated HD video

ตัวอย่างคลิปเปรียบเทียบ A8-3150MX เทียบกับ intel Core i7-2630QM

[zdnet]

ตั้งค่าเสียงใน SKYPE

จุดเด่นของ Skype ที่หลายๆ คนชื่นชอบ ก็คือ วีดีโอคอล หรือการพูดคุยแบบเห็นหน้าทางเว็บแคม ผ่านSkype ซึ่งเป็นบริการฟรี เมื่อเราใช้การโทรจาก Skype ด้วยกันเอง แต่ถ้าวันดีคืนดีปรากฏว่า เสียงพูดไม่ได้ยิน หรือ ปลายทางผู้รับไม่ยินเสียงที่เราพูด แล้วอย่างนี้จะตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้อย่างไร

ปัญหานี้อาจเกิดจากการติดตั้ง Skype เข้าไปใหม่

วิธีการตรวจสอบปัญหาเรื่องเสียงบน Skype

กรณีพูดแล้ว ทางผู้รับไม่ได้ยิน

1. เริ่มต้นให้คลิกเข้าไปที่เมนู Tools เลือก Options
2. ด้านซ้ายมือ คลิกหัวข้อ General
3. คลิกเลือกหัวข้อ Audio Settings
4. ดูในหัวข้อ Microphone ลองเปลื่อนเป็นชื่ออื่นๆ (ถ้าเราเลือก driver ตัวใดตัวหนึ่ง แล้วสังเกตสัญญาณมีสีเขียวขึ้น-ลงบนบริเวณVolumn แสดงว่าเลือกถูกต้องแล้ว)

กรณีทางปลายทางพูด แต่เราไม่ได้ยิน

1. เริ่มต้นให้คลิกเข้าไปที่เมนู Tools เลือก Options
2. ด้านซ้ายมือ คลิกหัวข้อ General
3. คลิกเลือกหัวข้อ Audio Settings
4. ดูในหัวข้อ Speakers ลองเปลื่อนเป็นชื่ออื่นๆ (ถ้าเราเลือก driver ตัวใดตัวหนึ่ง แล้วสังเกตสัญญาณมีสีเขียวขึ้น-ลงบนบริเวณVolumn แสดงว่าเลือกถูกต้องแล้ว)

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราต้องแน่ใจก่อนว่า เครื่องคอมฯ ของเราได้มีการติดตั้ง driver ของอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับ driver ต่างๆ เราสามารถตรวจสอบว่า เราได้ทำการติดตั้ง driver ของ hardware ทั้งหมดสมบูรณ์หรือไม่ โดยการเข้าไปที่หัวข้อ Device Manager

การเข้าถึง Device Manager ใน Windows 7 เข้าสามารถคลิกที่ไอคอน Windows พิมพ์ในช่อง Search คำว่า Device Managerและกดปุ่ม enter ได้เลย

ถ้าเป็น Windows XP เราสามารถเข้าถึง Device Manager ได้ผ่านทาง Properites ของ My Computer

ปุ่ม Start ใน Windows 8

หลังจากที่ได้ลองใช้ Microsoft Windows 8 กันแล้วก็ได้พบว่าสิ่งสำคัญที่หายไปนั้นก็คือ  ปุ่ม Start  จึงทำให้ใครหลายคนไม่ค่อยอยากใช้  Windows 8 กัน ถึงแม้ว่า Microsoft  ได้เปลี่ยนมาให้คนใช้  Start Menu ในแบบของ Modern UI แล้วแต่  ปุ่ม Start   นั้นในก็สามารุใช้ได้สะดวกและรวดเร็วกว่า และในตอนนี้ก็ได้มีแอพพลิเคชั่นปุ่ม  Start  ออกมาให้ใช้กันแล้วทั้งในแบบฟรีและเสียเงินเรามาดูกัน

Pokki for Windows 8  ฟรี

 Pokki เป็นแอพพลิเคชั่นปุ่ม  Start  ที่สามารดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี ๆ พร้อมทั้งยังมีรูปแบบที่สวยงามสามารถเพิ่มแอพพลิเคชั่นที่เราใช้บ่อย ๆ ลงไปได้ โดยสามารถเข้าไปดูและดาวน์โหลดได้ที่ Pokki for Windows 8

Download : http://www.pokki.com/download/?name=Start_Menu&etag=Pokki_Pokki_Start_Menu

Start button for Windows 8. Pokki for Windows 8

Pokki for Windows 8

Get your Start menu back and more.

Start button for Windows 8

Find and open your programs, files, control panel, and power options with one click of the Pokki start button.

A modern Start menu

Search and organize your favorite apps and websites on your desktop, just like you would on a smartphone.

Hundreds of free apps

Enjoy a mobile-like app experience on your PC, with free apps and games like Facebook and Angry Birds.

Download : http://www.pokki.com/download/?name=Start_Menu&etag=Pokki_Pokki_Start_Menu

The Windows 8 Pokki Menu is a crowd-pleaser.”

• Techcrunch
 
• The Wall Street Journal.
 
• The New York Times

Pokki Menu. One click access to the most important stuff on your PC.

Search and access your apps, files, control panel, and power options with Pokki’s Windows 8 Start Menu. Pin and organize your favorite apps and websites just like you would on your smartphone.

Favorites.

Keep your favorite apps, files and sites one click away.

การเปิด ปิด เรียกใช้ และควบคุม APPS

การเพิ่มหน้าจอเริ่มต้นที่เรียกว่า Start Screen ของ Windows 8 ที่มาพร้อมกับ Apps ต่าง ๆ นั้น มีรูปแบบวิธีการใช้งานที่คุณอาจไม่คุ้นเคย เพราะหลายส่วนจะถูกซุกซ่อนไว้ ทำให้หน้าจอของแต่ละโปรแกรมดูสบายตา และใช้งานได้เต็มพื้นที่ อีกทั้งการสลับการใช้งานระหว่างโปรแกรม และการควบุคมการใช้งาน ที่คุณควรทราบไว้ เชื่อว่าคุณจะคุ้นเคยได้อย่างง่าย

การเรียกดูโปรแกรมที่เปิดค้างไว้
เลื่อน mouse ไปที่มุมบนซ้ายหรือมุมล่างซ้าย แล้วเลื่อนมาที่่กลางจอชิดขอบซ้าย คุณจะพบโปแกรมที่เปิดค้างไว้ (ถ้าอยู่ที่ Desktop จะแสดงโปรแกรมของ Start Screen, ถ่้าอยู่ที่ Start Screen จะแสดงโปรแกรมของ Desktop ด้วย)

รูป: เลื่อน mouse ไปที่มุมบนซ้ายมือ จะเห็นโปรแกรมที่เปิดไว้ล่าสุด	รูป: เลื่อน mouse ลงมาชิดขอบซ้ายจอ จะเห็นทุกโปรแกรมที่เปิดค้างไว้

การเปิดดูส่วนควบคุมโปรแกรม (Apps Control)
เลื่อน mouse ไปในยังพื้นที่ที่ไม่มีปุ่มคำสั่งการทำงานใด ๆ หรือที่ Icon ของ Apps ในหน้า Start Screen แล้วคลิ๊กขวา  คุณจะพบส่วนควบคุม และตัวเลือกในการใช้โปรแกรม แสดงอยู่ที่ด้านล่างของจอภาพ

รูป: หน้าจอเริ่มต้น (Start Screen	รูป: คลิ๊กขวาที่ icon เปิด Apps Control

การปิดโปรแกรมขณะที่ใช้งานอยู่ใน Start Screen
ใน Windows 8 มีการจัดการเรื่องการใช้ทรัพยากรของโปรแกรมที่อยู่ใน Start Screen เป็นอย่างดี หากคุุณเปิดทิ้งไว้ แล้วไปใช้งานโปรแกรมอื่น Windows 8 ก็จะปิดให้เองเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง แต่ถ้าหากคุณต้องการจะปิด ก็ให้เลื่อน mouse ไปที่ขอบบนสุดของจอ คลิ๊กค้างไว้ แล้วลากมาปล่อยไว้ที่ขอบล่างสุดของจอก็ได้ 

รูป: เลื่อน mouse ไปที่บนสุด	รูป: คลิ๊กซ้ายค้างไว้ เลื่อนมาที่ขอบล่าง

บันทึกไฟล์เป็น PDF ด้วย WORD 2010

PDF เป็นรูปแบบไฟล์อีกหนึ่งรูปแบบที่นิยมใช้กันมาทั่วโลก ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของระดับการรักษาความปลอดภัยและโดยเฉพาะหลังแปลงไฟล์แล้วมีขนาดเล็กลงมากอีกด้วย

คุณทราบหรือไม่ว่า โปรแกรม Microsoft Office ตั้งแต่เวอร์ชั่น 2007 สามารถแปลงไฟล์เป็น PDF ได้แล้ว (แต่ต้องติดตั้งโปรแกรมเสริมของ Microsoft นิดหน่อย) และไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเสริมอื่นๆ เช่น PDFCreator หรือ Adobe Acrobat เป็นต้น แต่สำหรับ Microsoft Office 2010 หลังติดตั้งโปรแกรม Office 2010 แล้ว คุณสามารถแปลงไฟล์ได้ทันที แล้วคุณทราบวิธีการใช้งานแล้วหรือยังครับ..

วิธีแปลงไฟล์เป็น PDF ด้วย Word 2010

?

1. เปิิดเอกสารด้วยโปรแกรม Word
2. คลิกไอคอน Office Button
3. เลือกคำสั่ง Save As
4. ที่หน้าต่าง Save as ให้คลิกเลือก "Save as type" เลือก PDF (*.pdf)
5. คลิกพิมพ์ชื่อไฟล์ที่ต้องการ
6. คลิกเลือก Save

ทิปวิธีการนี้ สามารถใช้ได้ทั้ง Microsoft Excel 2010 และ Microsoft PowerPoint 2010

credit http://it-guides.com/training-a-tutorial/office-2010-tutorial/convert-to-pdf-with-word-2010

DROP-DOWN LIST ใน EXCEL

Drop-Down List 

เวลาเราต้องการใส่ข้อมูลใน Excel บางครั้งเราอาจต้องการใส่ข้อมูลเฉพาะที่เรากำหนด เช่น ใส่ชื่อแผนกต่างๆ ในบริษัท เป็นต้น โดยห้ามกรอกข้อมูลอื่นๆ เราสามารถกำหนดให้โปรแกรม Microsoft Excel บังคับได้ โดยการสร้าง drop-down list นั่นเอง เราสามารถสร้าง drop-down list ได้ทั้งตัวเลขและตัวอักษรครับ

ขั้นตอนการสร้าง drop-down list

1. สร้าง รายชื่อแผนกที่ต้องการในเซลตามคอลัำมภ์ที่ต้องการ (สามารถสร้างแยก worksheetได้)
2. คลิกเลือกคลุมเซลที่ต้องการบังคับให้ใส่ชื่อแผนกตามที่กำหนด (คลุมตามเซลในข้อ 6 ด้วย)
3. ที่เมนู หรือแท็ป Data
4. เลือกหัวข้อย่อย Data Validation
5. ที่แท็ป Settings ในช่อง Allow เลือก List
   
   
6. ในช่อง Source ให้คลิกคลุมชื่อแผนกที่สร้างในข้อ 1
7. แค่นี้ ก็จะเห็นสัญลักษณ์ให้เลือก (drop-down list) ด้านข้างของเซลที่คลุมให้เลือก

ลบข้อมูลซ้ำใน MICROSOFT EXCEL

สำหรับผู้ใช้โปรแกรม Microsoft Excel ในการจัดเก็บข้อมูล บางครั้งเราอาจจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูล ทั้งนี้อาจเกิดจากการนำข้อมูลจากที่อื่นๆ มารวมกัน ทำให้เกิดข้อมูลซ้ำได้ ถ้าปริมาณข้อมูลไม่มากนัก เราคงสามารถตรวจสอบด้วยตาเปล่าได้ แต่ถ้ามีข้อมูลจำนวนมากๆ จะมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้เร็วที่สุด และได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ

วันนี้มีคำแนะนำมาบอกต่อๆ กันครับ โดยเฉพาะกับนักบัญชี

วิธีการลบข้อมูลซ้ำๆ ใน Microsoft Excel

1. คลุมข้อมูลที่ต้องการตรวจสอบ ทั้งหมด
2. คลิกแท็ป Data เลือกหัวข้อย่อย Data Tools เลือก Remove Duplicates
3. จากนั้นจะพบหน้าต่าง Remove Duplicate ให้คลิกเลือกเฉพาะคอลัมภ์ที่ต้องการตรวจสอบ เช่น email เป็นต้น นอกนั้นให้เอาเครื่องหมายถูกด้านหน้าออก
4. คลิกปุ่ม OK เพื่อตรวจสอบ
5. ถ้ามีข้อมูลซ้ำ จะพบหน้าต่างแสดงให้ทราบว่า มีข้อมูลซ้ำเท่าไหร่

ข้อควรทราบ ข้อมูลที่ซ้ำ จะถูกลบออกไปทันที ถ้ามีปัญหาให้คลิกเลือก Undo เพื่อยกเลิกได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรทำการสำรองข้อมลไว้ก่อนก็จะดีมาก

Google Chrome

http://www.google.com/intl/th/chrome/browser/

Google Chrome (ดาวน์โหลด Google Chrome กูเกิลโครม ล่าสุด) : สำหรับ โปรแกรม Google Chrome สำหรับ โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) Google Chrome ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยภาษา Assembly, C++ รวมไปถึง Javascript ครับ ซึ่งอายุอานามของ โปรแกรม Google Chrome ของมันก็ประมาณเข้าปีที่สามแล้วเห็นจะได้ เนื่องจาก เปิดให้ผู้ ดาวน์โหลด Google Chrome ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) มีถึงปี ค.ศ. 2013 นี้อายุของ โปรแกรม Google Chrome ก็เข้าปีที่ 5 เข้าไปแล้ว แต่จำนวนผู้ใช้งานกินสัดส่วนเกินครึ่งของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกไปแล้ว ซึ่งจำนวนผู้ที่ โหลด Google Chrome ขณะนี้ได้แซงทั้ง Internet Explorer และ Mozilla Firefox อีกต่างหาก

สำหรับ โปรแกรม Google Chrome นี้มีดีสมกับที่หลายๆ กำลังใช้งานกันอยู่ นอกจากฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่ายแล้ว หน้าแรกก็มีการลิสโชว์รายการเว็บที่เข้าบ่อยๆ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าเว็บที่ใช้ประจำได้อย่างง่ายดาย  และมีความรวดเร็ว ไม่อืดอาด มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการแจ้งเตือน หากเราดันไปเว็บไซต์ที่มีมัลแวร์ (หรือไวรัส) ผ่านเว็บ โปรแกรม Google Chrome ตัวนี้ได้เลย โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโปรแกรมสแกนไวรัส แต่อย่างใด

นอกจากนี้สำหรับ Chrome รุ่นใหม่ๆ ตรงช่องที่ให้พิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์ต่างๆ นั้น คุณสามารถที่จะพิมพ์ข้อความเพื่อทำการค้นหาไปยังเว็บ Google ได้โดยตรงเลย เมื่อกด Enter ผลลัพทธ์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหานั้นจะถูกแสดงออกมาทันที แถมยังมีคำแนะนำขึ้นมาช่วยบอกตลอดอีกด้วยละครับ ซึ่งใช้งานง่าย และน่าสนใจมากๆ

อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ผู้คนติดออกติดใจกันทั่วโลกเลยคือ โปรแกรม Google Chrome หาก โหลด Google Chrome ไปแล้ว ยังไม่แฮงค์ง่าย เหมือนเจ้า Internet Explorer ต่างหาก รับรองว่าลองหันมาใช้เจ้านี้ แล้ว Internet Explorer จะกลายเป็นเมียน้อย ส่วน Firefox จะเป็นแค่กิ๊กไปเลยล่ะครับ ...

---

Changelog (ประวัติการเปลี่ยนแปลง Google Chrome ในแต่ละเวอร์ชั่น)

Google Chrome 29

• ปรับปรุงการเชื่อมต่อส่วน API ให้เข้ากันได้กับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ
• แก้ไขข้อผิดพลาด (Bug) ที่เกิดขึ้นในรุ่นก่อนๆ และการทำงานให้มีสเถียรภาพมาขึ้น
• ปรับปรุงในส่วนของ Omnibox Suggestions โดยขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ที่คุณเพิ่งจะเข้าไปเยี่ยมชม

Google Chrome 28

• แก้ไขข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้นจากรุ่นก่อน
• แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยในบางจุด
• และอื่นๆ อีกมากมาย

Google Chrome 27

• เปิดเว็บ โหลดเว็บ ต่างๆ เร็วขึ้นกว่าอีก 5% หากเทียบจากเวอร์ชั่นก่อนๆ
• เพิ่ม chrome.syncFileSystem เป็น API ที่เอาไว้เชื่อมต่อกับ Google Drives (Google Docs เก่า)
• แก้ไขข้อผิดพลาดจากเวอร์ชั่นก่อนๆ

---

หมายเหตุ : โปรแกรม Google Chrome ที่คุณกำลังจะดาวน์โหลดไปจากเว็บ Thaiware.com นี้เป็นตัว Installer (ตัวติดตั้งอัตโนมัติ) นั่นหมายความว่า ดาวน์โหลด Google Chrome ไปแล้ว (ขนาดจะมีประมาณ ไม่เกิน 1 MB.) ซึ่งหลังจากนั้นตัว Installer ตัวนี้จะไปทำการ โหลด Google Chrome ตัวเต็มจากเว็บ Google มาอีกที ดังนั้น ได้ไม่ต้องตกใจว่า โหลด Google Chrome จากที่นี่ไปทำไมขนาดน้อยจัง ไม่ว่าจะ โหลด Google Chrome จากเว็บไหน จะเป็นเหมือนกันหมด หลักการเดียวกันหมดครับ ...

วิธีตั้งค่าตัวเลือกGoogle Chrome ออปชั่น

อันดับแรก เปิดGoogle Chrome ขึ้นมา แล้วคลิกที่ปุ่มรูปไขควง ดังลูกศร หมายเลข 1 จากนั้นจะมีเมนูปรากฏขึ้นมา แล้วให้คลิกที่เมนูOptions ตัวอย่างดังรูป

หลังจากนั้นจะมีหน้าต่าง Google Chrome Options ปรากฏขึ้นมา และจะได้ไกด์การตั้งค่าการใช้งานGoogle Chrome Options ต่างๆ ดังนี้

Google Chrome Options – แท๊บ Basics เป็นส่วนการตั้งค่าการใช้งานเบื้องต้นบนGoogle Chrome Browser ดังรูปตัวอย่าง

จากรูป
หมายเลข 1 – On Startup ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome เปิดหน้าเว็บเพจให้เราอัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดGoogle Chrome

หมายเลข 2 – Home page ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome เปิดหน้าเว็บเพจเริ่มต้น เมื่อเราเปิดGoogle Chrome

หมายเลข 3 – Default search ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome ใช้ Search Engine Provider สำหรับใช้ในการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตผ่านGoogle Chrome

หมายเลข 4 – Default browser ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome เป็น default browser ซึ่งเมื่อเราดับเบิ้ลคลิก เปิดไฟล์เว็บ เช่น ไฟล์รามสกุล .htm, .html ไฟล์เหล่านี้ก็จะเปิดโดยGoogle Chrome นั่นเอง

Google Chrome Options – แท๊บ Personal Stuff เป็นส่วนการตั้งค่าการใช้งานส่วนตัวบนGoogle Chrome Browser ดังรูปตัวอย่าง

จากรูป

หมายเลข 5 – Sync ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome สามารถทำงานSyncกับGoogle Account ของเราได้ โดยสามารถดึงเอา Bookmakrs หรือ Preferences ต่างๆจากGoogle Account มาใช้ได้

หมายเลข 6 – Passwords ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome ทำการแจ้งเตือนเพื่อบันทึก User และ Password เมื่อเราเข้าใช้งานเว็บเพจที่ให้เรากรอก User และ Password ข้อดีคือครั้งต่อไปเมื่อเราเข้าใช้งานหน้าเว็บเพจนั้นๆ เราจะไม่จำเป็นต้องกรอก User และ Password แต่ข้อเสียก็คือ คนอื่นก็สามารถเข้าไปหน้าเว็บเพจนั้นๆได้เช่นกัน

หมายเลข 7 – Form autofill ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome ทำการกรอกข้อมูลลงฟอร์มลงให้เราอัตโนมัติตามที่เราตั้งค่าไว้

หมายเลข 8 – Browsing data ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome ดึงเอาข้อมูลบางอย่างจาก Web Browser หรือ Application อื่นๆของGoogle เช่น Favorites/Bookmarks, Search Engine, Save passwords และ History เป็นต้น

หมายเลข 9 – Themes ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้ธีม หรือหน้ากากให้Google Chrome ได้ โดยคลิกที่ Get themes เพื่อค้นหาและเลือก Theme ที่เราชื่นชอบมาใช้

Google Chrome Options – แท๊บ Under the Hood เป็นส่วนการตั้งค่าการใช้งานขั้นสูง รวมถึงตั้งค่าความปลอดภัยบนGoogle Chrome Browser ดังรูปตัวอย่าง

จากรูป

หมายเลข 10 – Privacy ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่านโยบายของการใช้งานส่วนตัวของเราให้Google Chrome ซึ่งได้แก่ Content settings, Clear browsing data และอื่นๆ (ซึ่งในคราวต่อไปจะมาอธิบายส่วนนี้ให้ละเอียดอีกครั้งครับ) ดังรูปข้างต้น

หมายเลข 11 – Network ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าProxy สำหรับการเล่นเน็ตที่จำเป็นต้องใช้ Proxy ในการออกเน็ตบนGoogle Chrome

จากรูป

หมายเลข 12 – Translate ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome เปิดTranslate Bar ขึ้นมา ให้เราสามารถแปลภาษาหน้าเว็บเพจที่เรากำลังเยี่ยมชมได้

หมายเลข 13 – Downloads ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าให้Google Chrome

หมายเลข 14 – Web Content ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่ารูปแบบและขนาดตัวอักษรให้Google Chrome รวมทั้งการตั้งค่าใช้ Gears สำหรับเว็บเพจนั้นๆ

จากรูป

หมายเลข 15 – Security ส่วนนี้เราสามารถตั้งค่าSSL(Secure Socket Layers) ให้Google Chrome สำหรับการเข้าใช้งานเว็บเพจที่ใช้ SSL เพื่อเข้ารหัสความปลอดภัยในการใช้งานเว็บนั้นๆ

หมายเลข 16 – Reset to defaults ส่วนนี้เราสามารถเรียกคืนค่าตัวเลือกการใช้งานให้Google Chrome เป็นค่า default ที่ทางผู้พัฒนา ตั้งมาให้เราแล้วครับ